Spellbreak เกมแนว Battle Royale ศึกจอมเวทย์ถล่มโลกเปิดแบบ Free to Play แน่นอน
วันนี้เรามีอีกหนึ่งเกมแนว Battle Royale เอาชีวิตรอดที่ปกติแล้วจะเห็นเป็นพวกเกมแนวสไตล์ปืนยิงกันหรือบางครั้งก็จะเป็นการโจมตีระยะประชิดแบบ Melee แต่ที่จริงแล้วมีอีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจมากซึ่งนำเสนอความเป็นแฟนตาซีที่น่าลอง โดยเปลี่ยนจากอาวุธปืนมาใช้เป็นเวทมนตร์แทน ซึ่งก็คือ Spellbreak เป็นเกมที่หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นมาแล้ว หรือผ่านหูผ่านตามาบ้าง บางคนก็ติดตามข่าวแล้วก็บอกว่าเกมมันเปิดแล้วนิ ต้องบอกก่อนว่าที่เปิดอยู่ในขณะนี้เป็นช่วงทดลอง Closed Beta เท่านั้น คนที่จะสามารถเข้าไปเล่นได้นั้นจะต้องซื้อแพ็กเกจไอเทมของตัวเกมในราคาประมาณ 1,500 ก่อนถึงจะสามารถเข้าเล่นได้ ก็น่าจะอารมณ์แบบ Early Access นั่นแหละ
ซึ่งทำให้หลายๆ คนยังสงสัยแล้วไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเกม Spellbreak ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Proletariat และเป็นผู้จัดจำหน่ายเองด้วยพวกเขาวางแผนไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าตัวเกมจะเปิดให้บริการในรูปแบบ Free to Play สำหรับแพลตฟอร์ม PlayStation 4, Xbox One, Nintendo Switch และ Windows PC ผ่านร้านค้า Epic Game Store แล้วแน่นอนว่าทุกแพลตฟอร์มสามารถเล่น Cross Play ระหว่างกันได้ กำหนดการเปิดให้บริการในปี 2021 นอกจากนั้นในช่วง Closed Beta ที่กำลังเปิดให้ทดสอบอยู่กำลังจะปิดเซิร์ฟเวอร์ให้บริการลงใน 20 กรกฏาคมนี้อีกด้วยเพื่อปิดปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่พบเจอในระหว่างช่วงทดสอบ รวมไปถึงรับฟังความคิดเห็นของผู้เล่นในการปรับปรุงด้วยเช่นกัน
Spellbreak เป็นเกมออนไลน์แนว Battle Royale ที่นำเอาแนวคิดของจอมเวทย์มาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาออกแบบให้เหล่าตัวละครภายในเกม สามารถออกแบบเวทมนตร์คอมโบของตนเองได้หลากหลายด้วยการผสมธาตุต่างๆ ระบบถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว ความอลังการของเวทมนตร์ก็บอกตรงนี้เลยไม่ธรรมดา ในหนึ่งเกม จะมีผู้เล่นถึง 42 คน สามารถเล่นได้ทั้งแบบคนเดียวและแบบทีม ตัวงานภาพกราฟิกถ้าดูจากตัวอย่างจะเห็นจะออกสไตล์ตัวการ์ตูนตะวันตก ซึ่งมันก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปีหลังๆ นี้ รายละเอียดก็คมชัดระดับ Full HD สวยงามแน่นอน
ส่วนตัวก็คาดหวังไว้กับเกมนี้พอสมควรเพราะเป็นอีกหนึ่งเกมที่อยากเล่น แต่ถ้าจะทดลองเล่นก็ต้องลงทุน 1,500 บาทซึ่งเป็นราคาที่ไม่คุ้มเลยยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส แต่ถ้าตัวเกม Spellbreak เปิดให้เล่นแบบ Free to Play มันก็น่าสนใจเหมือนกัน ทางทีมพัฒนาก็ใช้เวลามาหลายปีพอสมควรแล้วสำหรับการพัฒนาเกมนี้ ซึ่งปีหน้าจากประกาศพวกเขาดูเหมือนจะพร้อม