[Review] Assassin's Creed Valhalla ตำนานขุนศึกไวกิ้งพิชิตดินแดน
Assassin's Creed เรื่องราวของนักลอบสังหารแห่งยุคสมัย ได้ถูกส่งต่อเนื้อหาและถูกตีความใหม่มามากมายหลายแบบในปัจจุบัน ซึ่งการตีความใหม่นั้นได้ทำให้ภาพรวมของเกมมีการเปลี่ยนไปทุกภาค
แต่สิ่งที่ Ubisoft ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชม คือการนำเสนอประวัติศาสตร์ที่ถูกเรียบเรียงออกมาใหม่ในรูปแบบเกมได้เป็นอย่างดี และล่าสุดตอนนี้ก็ได้มาถึงเรื่องราวของนักรบไวกิ้ง ผู้ที่ได้ออกเดินทางเพื่อสร้างตำนานบทใหม่อีกครั้งใน Assassin's Creed Valhalla
ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 เป็นยุคสมัยแห่งการต่อสู้เพื่อเกียรติยศและความอยู่รอด ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Eivor หนึ่งในชาวไวกิ้งผู้ศรัทธาและเชื่อมั่นในตำนานเทพนอร์ส ที่ได้ร่วมเดินทางกับคนของเขาจากนอร์เวย์มายังผืนแผ่นดินอังกฤษ เพื่อตั้งรกรากสร้างถิ่นที่อยู่อาศัยใหม่ พร้อมหวังพิชิตดินแดนและล้างแค้นศัตรูเพื่อประกาศศักดาของนักรบผู้รับใช้ทวยเทพแห่ง Valhalla
หากแต่ในดินแดนแห่งใหม่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคยนี้ ยังมีสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จักและไม่เคยพบเจออยู่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ลึกลับ หรือผู้อยู่อาศัยมาก่อนที่ไม่เป็นมิตร รวมถึงผู้คนที่มีความศรัทธาต่างกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้เล่นจะได้พบเจอในภาคนี้
ทว่า Eivor ก็ไม่ได้เดินทางต่อสู้เพียงลำพังคนเดียว เพราะผู้เล่นจะได้พบเจอกับเรื่องราวของผู้คนชาวไวกิ้งที่ Eivor ได้ผูกพันและร่วมเติบโตด้วยกันมา และได้ร่วมเดินทางทำศึกไปด้วยกันจนได้พบกับพันธมิตรและศัตรูใหม่ๆ ไปจนถึงการพบเจอกับตัวเลือกที่ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ซึ่งจะส่งผลกับเนื้อเรื่องของเกมในอนาคต
โดยตัวเลือกนั้นไม่ว่าจะเลือกคำตอบที่ถูกหรือผิด เนื้อเรื่องของเกมก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ เพียงแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของผู้เล่นนั้นอาจจะส่งผลไปจนจบเกมได้ด้วยเช่นกัน
และนอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้วก็ยังมี Side Quest ที่จะทำให้ผู้เล่นได้รู้จักกับชาวไวกิ้ง และชีวิตของผู้คนในดินแดนอังกฤษที่มีทั้งเรื่องธรรมดาทั่วไป จนถึงเรื่องที่แปลกประหลาดเกินคาดคิด สำหรับใครที่กลัวว่า Side Quest ของเกมจะน่าเบื่อรึเปล่านั้น ในส่วนนี้ก็คงบอกได้ว่าสามารถเล่นได้เพลินๆ ไม่ดีไม่แย่เกินไปนัก กลับกันแล้วมี Side Quest บางส่วนที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจดีทีเดียว
หนึ่งในสิ่งที่เกมภาคนี้ภูมิใจนำเสนอ คือการต่อสู้กับศัตรูที่มีมากมายหลายแบบ ซึ่งผู้เล่นจะได้ต่อกรกับศัตรูที่ใช้อาวุธทั่วไป, ศัตรูที่รับมือได้ยากกว่าปกติ, และศัตรูที่คาดไม่ถึงว่าจะได้ต่อสู้ด้วย แต่นั่นก็ทำให้ Eivor สามารถเลือกใช้อาวุธได้หลายประเภทเช่นเดียวกัน โดยจุดเด่นของระบบต่อสู้ในภาคนี้คือการที่สามารถผสมผสานการใช้อาวุธร่วมกันได้
อาทิเช่นการใช้ ขวานคู่, ดาบโล่, หรือโล่คู่ ซึ่งอาวุธที่ถือคนละมือจะมีท่าโจมตีที่แตกต่างกัน หรือถ้าหากไม่ต้องการใช้อาวุธสองแบบ ก็ยังมีอาวุธขนาดใหญ่ที่ต้องถือสองมือเป็นตัวเลือกให้ใช้ และด้วยการที่ตัวละครเป็นชาวไวกิ้ง จึงทำให้การสังหารศัตรูนั้นมีความโหดเหี้ยมมากกว่าที่เคยมีมามาก
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้เล่นจะสามารถแกว่งอาวุธเข้าไปฟาดฟันศัตรูทุกตัวได้แบบไม่คิดชีวิต เพราะการรู้จักป้องกันให้ถูกจังหวะก็ยังเป็นอีกวิธีที่สำคัญ ที่จะช่วยให้พิชิตศัตรูได้อย่างรวดเร็วมากกว่า การรู้จักเรียนรู้ทักษะการต่อสู้จึงเป็นส่วนที่ช่วยเพิ่มความสนุกให้มากขึ้นได้ด้วย
Combat Gameplay ของระบบต่อสู้ในภาคนี้ ยังคงผสมความเป็น Action RPG ที่มีเรื่องของระบบเลเวลและสเตตัสของอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง หมายความว่าถ้าหากเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีระดับเลเวลสูงกว่า ก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อกรและอาจเป็นฝ่ายที่โดนอัดร่วงแทนได้ง่ายๆ นั่นจึงเป็นส่วนที่ทำให้ผู้เล่นต้องอัพเกรดอาวุธชุดเกราะ หรือออกเดินทางตามหาอาวุธใหม่ๆ มาใช้
โดยอาวุธแต่ละแบบจะมีการแบ่งประเภทของตัวเอง และอาวุธบางชิ้นก็จะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวอยู่ ซึ่งการพัฒนาอาวุธนั้นนอกจากการนำทรัพยากรมาอัพเกรดตามปกติแล้ว ผู้เล่นก็ยังสามารถติดตั้ง Runes เพื่อเพิ่มความสามารถของอุปกรณ์แต่ละชิ้นให้มากขึ้นได้ การตามหาอาวุธชุดเกราะดีๆ และมี Runes ที่เข้ากับสไตล์การเล่น จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนาตัวละครให้เก่งขึ้นในแบบของตัวเอง
ไม่เพียงแต่อาวุธที่ดีจะมีชัย แต่ Eivor ยังสามารถเพิ่มทักษะ Skills ตัวละครให้เก่งขึ้นได้ โดยเมื่อมีเลเวลที่มากขึ้นแล้ว ผู้เล่นจะได้รับแต้มสกิลมาเพิ่มทักษะในด้านต่างๆ ทั้งการโจมตีหรือพลังชีวิต ซึ่งทักษะในแต่ละด้านนั้นก็จะมีความสามารถพิเศษเฉพาะทางอยู่
อย่างเช่นการทำให้ Eivor สามารถสลับอาวุธในมือที่ถืออยู่, การทำให้ยิงธนูได้ดีขึ้น, การสวนกลับด้วยการขว้างอาวุธของศัตรูกลับคืนไป หรือในบางสกิลนั้นก็ช่วยทำให้ Eivor สามารถฟื้นฟูตัวเอง หรือลอบสังหารศัตรูได้มากขึ้น และข้อดีของระบบอัปสกิลนี้ คือการที่ผู้เล่นสามารถนำแต้มสกิลที่เคยใช้ไปแล้ว ย้อนกลับคืนมาเพื่อนำไปอัปทักษะสกิลแบบอื่นได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ Abilities ซึ่งเป็นท่าโจมตีพิเศษที่ซ่อนอยู่ในโลกกว้าง ที่ผู้เล่นต้องค้นหาให้เจอด้วยตัวเอง โดย Abilities นี้จะเป็นการกดใช้ท่าโจมตีพิเศษที่แตกต่างจากปกติ อาทิเช่น ท่าโจมตีที่จะทำให้เกิดธนูไฟ หรือท่าโจมตีที่สามารถโจมตีศัตรูต่อเนื่องเป็นกลุ่มได้
ทำให้ท่าโจมตีพิเศษนี้สามารถช่วยสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดายขึ้น หรือสามารถใช้ร่วมกับท่าโจมตีปกติเพื่อเป็นการสร้างคอมโบต่อเนื่องกันได้อย่างสวยงาม ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกติดตั้ง Abilities ท่าโจมตีพิเศษนี้ได้ถึง 8 อย่าง จากที่มีทั้งหมด 20 อย่างเลยทีเดียว
จริงอยู่ที่เกมนั้นเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถวิ่งตะโกนพร้อมถืออาวุธคู่ใจไปไล่ถล่มกองทัพศัตรูได้อย่างสะใจ แต่หากคิดว่าเกมมีเพียงระบบการเล่นแค่นั้นก็คงจะเป็นการคิดผิดทีเดียว เพราะว่า Eivor จะสามารถเรียนรู้ความสามารถในการลอบสังหารตามแบบฉบับของเกม Assasin's Creed ได้ด้วย
ซึ่งการเล่นแบบลอบเร้นนั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากเช่นกัน เพราะบ่อยครั้งที่การลอบเร้นนั้นสามารถช่วยเหลือให้สามารถจัดการศัตรูที่เก่งกว่าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และถือเป็นตัวเลือกของแนวทางการเล่นที่สามารถเล่นได้ตามใจชอบทั้งสองแบบ ส่วนผู้เล่นที่ไม่ถนัดเล่นเกมแบบแอ็คชั่นหรือการลอบเร้นเป็นพิเศษ ก็ยังสามารถเลือกปรับระดับความยากง่ายของการเล่นแต่ละแบบได้ด้วย
อัลบั้มภาพแนะนำ
และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นจุดเด่นในเกมภาคนี้ คือการที่ Eivor จะมีพลพรรคชาวไวกิ้งของเขาร่วมลงเรือเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งผู้เล่นจะได้ใช้เวลาบนเรือไปกับการฟังเพลงหรือเรื่องเล่าจากลูกเรือในระหว่างการเดินทางบนทะเล และบุกโจมตีค่ายกองทัพของศัตรูที่พบเจอระหว่างทางเพื่อปล้นทรัพยากรกลับมาได้ ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าเป็นการช่วยเพิ่มสีสันอย่างหนึ่งของการเล่นที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
และในบางครั้งผู้เล่นก็จำเป็นต้องมีเพื่อนชาวไวกิ้งคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้ต่อแม้จะอยู่ในช่วงที่เดินทางคนเดียว ผู้เล่นก็สามารถเป่าแตรเพื่อเรียกกองเรือของตัวเองมาได้ตลอดเวลา และสามารถเป็นกำลังช่วยเหลือในการรบได้
อีกทั้งผู้เล่นยังสามารถปรับแต่งลูกเรือเพื่อนำมาร่วมต่อสู้ และแชร์ให้กับเพื่อนผู้เล่นคนอื่นได้ด้วย และไม่ต้องกลัวว่าการเดินทางบนท้องทะเลนั้นจะกว้างใหญ่เกินไปจนน่าเบื่อ เพราะแล่นเรือไปได้ไม่นานเดี๋ยวก็อดใจไม่ได้ ต้องลงจอดยกทัพแวะตีค่ายศัตรูข้างทางอีกแล้ว
ภายในเกม ผู้เล่นจะมีชุมชนหมู่บ้านชาวไวกิ้งของตัวเอง โดยสามารถใช้ทรัพยากรที่เก็บรวบรวมมาจากค่ายศัตรู เพื่อพัฒนาสร้างร้านค้าต่างๆ ภายในชุมชนได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของ ร้านตีอาวุธ ร้านรอยสัก หรือร้านรับแลกของต่างๆ
ซึ่งในบางสถานที่นั้นก็มีประโยชน์ที่จะทำให้ผู้เล่นได้รับเควสต์ใหม่ๆ หรือสามารถได้รับผลตอบแทนจากการผจญภัยได้อย่างรวดเร็ว หรือบางร้านก็มีไว้เพื่อเพิ่มความสนุกสนานครื้นเครงให้กับหมู่บ้าน โดยแลกมากับค่าสถานะของตัวละครที่มากขึ้น แต่ด้วยการที่ทรัพยากรนั้นมีจำนวนที่จำกัด ผู้เล่นจึงจำเป็นต้องคิดให้ดีว่าควรจะให้ความสำคัญในการสร้างร้านไหนก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดในช่วงเริ่มก่อร่างสร้างตัว
และภายในหมู่บ้านไวกิ้งนั้นผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวละครของ Eivor ได้เล็กน้อยจากร้านรอยสัก ที่จะมีรอยสักและทรงผมให้เลือกได้ตามใจชอบ ซึ่งผู้เล่นจะได้รับสิ่งของตกแต่งใหม่ๆ จากการเดินทางหรือการซื้อจากร้านค้า นอกจากนี้ก็ยังมีอู่ต่อเรือที่จะสามารถปรับแต่งหน้าตาเรือของเรา และมีสถานที่ที่สามารถปรับแต่งลูกเรือของเราได้จากอาวุธที่มีอยู่
เรียกได้ว่าเมื่อออกเดินทางไปทำศึกมากขึ้น เมื่อกลับมาเฉลิมฉลองกันอีกครั้งแล้ว ทั้งตัวละครและหมู่บ้านก็จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
หากเหนื่อยล้าจากการสู้รบ ภายในเกมก็ยังมีมินิเกมต่างๆ ให้ได้เล่นในแต่ละหมู่บ้าน อย่างเช่นมินิเกมแข่งดื่มเหล้า ที่ต้องกดปุ่มตามจังหวะให้ทัน, มินิเกม Orlog เกมทอยลูกเต๋าจำลองการรบ ที่หากทำความเข้าใจดูแล้วก็จะเล่นได้ไม่ยาก, หรือมินิเกม Flyting ที่ถือว่าเป็นการแข่งโต้วาที Rap Battle ตามแบบชาวไวกิ้ง
ซึ่งในการเล่นนั้นก็จะมีการได้รับเงินเดิมพันที่มากขึ้น และบางมินิเกมก็ยังมีความจำเป็นที่จะช่วยเพิ่มทักษะที่จำเป็นสำหรับการเล่นในอนาคตด้วย หรือหากอยากออกไปผจญภัยก็ยังมีทั้งการตกปลา หรือการตามล่าหาสัตว์ในตำนานที่จะทำให้ได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน
ดินแดนอังกฤษอาจจะไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้างหรือสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากนัก แต่ในโลกกว้างของเกมนั้นก็มีความสวยงามแม้ในท้องฟ้ายามค่ำคืน และมีสิ่งต่างๆ มากมายให้ค้นหา ทั้งสมบัติลับที่ซ่อนอยู่, อาวุธในตำนาน, ศัตรูที่เก่งกว่าปกติที่สามารถต่อสู้ท้าทายฝีมือ ซึ่งบางสถานที่นั้นจะไม่ปรากฏในแผนที่ หรือต้องหากลวิธีเข้าไป
ทำให้ผู้เล่นต้องค้นหาและพบเจอในระหว่างการเดินทางด้วยตัวเอง เพราะงั้นจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ควรจะสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านไว้ให้ดี เพราะบางทีแถวนั้นอาจจะมีถ้ำที่ซ้อนสมบัติลับซ่อนอยู่ก็เป็นได้
สำหรับกราฟฟิคของเกมนั้น ผู้รีวิวได้ทำการทดสอบบนเครื่อง PlayStation 4 Pro พบว่าการที่ตัวเกมมีฉากที่กว้าง ทำให้มีบางช่วงที่แสดงการโหลดฉากหรือ Object สิ่งของไม่ทันอยู่บ้าง รวมถึงมีการแสดงเฟรมเรทที่ตกลงไปบ้างอย่างเห็นได้ชัดจากเอฟเฟ็กต์ในฉาก หรือการสู้รบด้วยจำนวนตัวละคร AI ที่มาก ซึ่งเกิดขึ้นแบบนานๆ ครั้ง
แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้เล่นได้ลำบากขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้การโหลดฉากของเกมยังเกิดขึ้นบ่อยและบางครั้งก็ใช้เวลาที่นาน ถ้าหากเล่นบน SSD หรือบน PlayStation 5 และ Xbox Series น่าจะทำให้โหลดเกมได้รวดเร็วและแสดงผลของภาพได้ดีขึ้นมากกว่านี้
หากจะมองหาจุดที่เป็นข้อเสียของเกม ก็คงจะเป็นเรื่องปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถพบเจอได้บ่อยโดยเฉพาะในเกมซีรี่ส์ Assasin's Creed เพราะด้วยการเป็นเกมที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้การแสดงผลของ AI ยังคงดูแปลกๆ หรือมีการแสดงผลของวัตถุที่ผิดพลาดได้ในบางครั้ง อาทิเช่น การพบเห็นตัวละครเดินผิดปกติ หรือการที่พื้นหญ้าลอยขึ้นมาจากพื้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่แฟนเกมซีรี่ส์นี้น่าจะเจอกันเป็นประจำ แต่ยังถือว่าภาคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบเลวร้ายมากนัก นอกจากนี้ก็ยังมีจุดที่เกิดปัญหาได้ง่ายโดยเฉพาะกับการเดินเรือ อย่างเช่นการให้เกมเดินเรือให้แบบอัตโนมัติ อาจจะทำให้ไปชนติดกับเรือของ NPC ที่ขวางทางอยู่ หรือการจอดเรือเทียบท่าเอง ถ้าหากจอดเรือในที่แคบหรือติดขอบฝั่งมากเกินไป ก็อาจจะเกิดปัญหาเสียเวลาทำให้เรือติดขอบไม่สามารถออกทะเลไปได้ และกลายเป็นเรื่องที่ต้องระวังทั้งที่เกมต้องเดินทางด้วยเรือบ่อยแบบนี้
ในระบบส่วนอื่นของเกมนั้น ก็มีจุดที่คิดว่าค่อนข้างน่าเสียดายอยู่บ้าง อย่างเช่นการที่ศัตรูมีความหลากหลายและเหมือนจะเก่งขึ้นในการต่อสู้ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังดูไม่ค่อยฉลาดขึ้นเท่าไหร่ หรือการที่มีลูกเรือร่วมเดินทางไปด้วยก็ไม่ค่อยให้ความรู้สึกผูกพันกันมากอย่างที่ควรนัก
เพราะการปรับแต่งตัวละครนั้นทำได้ไม่มาก และไม่มีค่าสเตตัสของลูกเรือเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้รู้สึกว่าลูกเรือของเราเหมือนเป็น NPC ธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ ทั้งที่เนื้อหาของเกมดูเหมือนจะให้เราเข้าถึงความสัมพันธ์ของชาวไวกิ้งด้วยกัน แต่กลับไม่มีส่วนที่ช่วยเสริมอะไรให้รู้สึกถึงจุดนี้
และโลกกว้างของเกมนั้นถึงจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีสิ่งต่างๆ ซ่อนอยู่มากมาย แต่ในหลายพื้นที่นั้นก็ยังเป็นเหมือนพื้นที่ที่มีแค่ต้นไม้ป่าเขา ซึ่งหากไม่เดินทางด้วยเรือแล้ว ผู้เล่นต้องเดินทางผ่านพื้นที่ป่าเขาที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนี้เพื่อไปถึงจุดหมาย
ทำให้เป็นจุดที่รู้สึกน่าเสียดายว่าเกมควรจะลองใส่ระบบเควสต์แบบสุ่มมาให้พบเจอระหว่างทางบ้าง เพื่อไม่ให้การเดินทางรู้สึกน่าเบื่อเกินไป แต่ในจุดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้เกมมีเพิ่มเติมเข้ามามากกว่านี้ ถ้าหากไม่คิดมากอะไรก็ยังถือว่าสามารถสนุกกับสิ่งที่เกมมีให้ได้อย่างไม่มีปัญหา
Ubisoft ได้พยายามนำเสนอ "Assassin's Creed รูปแบบใหม่" ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ด้วยภาพของเกมที่ออกมา ก็ทำให้บางครั้งอาจเกิดความกังวลสำหรับแฟนเกม ถึงทิศทางของเกมที่ดูจะเปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากก็น้อย แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หน้าตาและเรื่องราวของเกมได้เปลี่ยนไป หากแต่เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ผ่านมาและได้เพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้าไปด้วย
ซึ่งใน Assassin's Creed Valhalla ถึงแม้จะเป็นเนื้อหาของสงครามนักรบไวกิ้ง แต่ก็ยังคงมีองค์ประกอบและกลิ่นอายของความเป็น Assassin's Creed ที่ไม่ได้หายไปไหน และความจริงแล้วอาจจะต้องขอบคุณที่ตัวเกมสามารถนำเรื่องราวของเทพเจ้าและความแฟนตาซีมาผูกรวมกันไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้ถึงแม้จะมีจุดที่ติดขัดระหว่างการเล่นอยู่บ้างประปราย แต่การผสมผสานองค์ประกอบของเรื่องราวได้เป็นอย่างดีนั้น ก็ทำให้ช่วยเพิ่มความหลากหลายที่ชวนประหลาดใจ ที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการเล่นโดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อง่ายๆ
เนื้อหาของเกมนั้นต้องชมว่าทาง Ubisoft ยังคงทำการบ้านเกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์มาได้เป็นอย่างดี หากเป็นผู้ที่ได้ติดตามศึกษาตำนานของชาวไวกิ้งมาบ้าง ก็จะยิ่งเข้าใจและเข้าถึงรายละเอียดของโลกในเกมที่ถูกนำมาเล่าใหม่ได้มากขึ้น และการสวมบทบาทเล่นเป็นชาวไวกิ้งนั้นก็มีทั้งความโหดดิบและมีสีสันของการยกทัพบุกค่ายศัตรู
รวมถึงความแฟนตาซีที่ใส่มานั้นก็ยังช่วยเพิ่มความสนุกขึ้นได้มาก เรียกว่าพอได้เห็นสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคนี้แล้ว ก็ทำเอานึกภาพไม่ออกเลยว่าภาคต่อไปจะสามารถทำออกมาให้เหนือขึ้นไปกว่านี้ได้อย่างไร เพราะสิ่งที่สามารถบอกได้ชัดเจนตอนนี้เลยก็คือ ตำนานนักรบไวกิ้งใน Assassin's Creed Valhalla ถือเป็นภาคที่เต็มไปด้วยความสนุก ที่คอเกมแอ็คชั่นจะชื่นชอบได้ไม่ยากและควรค่าแก่การตัดสินใจหามาเล่นโดยที่ไม่ต้องลังเลเลย