รีวิว Watch Dogs: Legion เมื่อทุกคนคือแกนนำ "แฮกเกอร์"

ภาค 3 ในซีรี่ส์ชุด Watch Dogs ที่กลับมาหลังจากหายไป 4 ปี ซึ่งครั้งนี้มาพร้อมกับแนวคิด “ทุกคนคือแกนนำ” ไม่เท่านั้นยังเป็นภาคแรกที่จะได้มีโอกาสเปิดตัวพร้อมกับเครื่องเน๊กซ์เจนอย่าง PS5 และ Xbox Series X/S ที่เป็นเครื่องเกมตัวใหม่ล่าสุด

เนื้อหาในภาค Legion นี้เล่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตอันใกล้นี้ในมหานครลอนดอน มีองค์กร DedSec ที่เป็นกลุ่มแฮคเกอร์ที่มีเป้าหมายต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรมเป็นตัวหลัก และเรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ DedSec ถูกยัดเยียดให้กลายเป็นคนร้ายก่อความไม่สงบเรียบร้อยจากกลุ่มกำลังติดอาวุธชื่อ Albion ทำให้ DedSec ถูกมองในแง่ลบและภาพลักษณ์เสียไป ดังนั้นจึงต้องกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาโดยการพิสูจน์ความจริงทั้งหมด

ในด้านเกมเพลย์ก็ยังคงเป็นแอคชั่นแอดเวนเจอร์โอเพ่นเวิลด์เหมือนสองภาคแรก มีมิชชั่นที่หลากหลายรูปแบบให้เลือกทำ แต่ฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นของเกมอยู่ตรงที่ว่า ไม่มีตัวเอก!? ก็อย่างที่เกริ่นไปว่า “ทุกคนคือแกนนำ” ดังนั้น NPCs ในเกมนี้จึงกลายมาเป็นตัวเอกได้ ไม่ว่าจะเป็นคนกวาดถนนหรือคนตกงานก็สามารถดึง (Recruit) มาร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กร เพียงแค่ทำมิชชั่นตามที่อีกฝ่ายร้องขอให้สำเร็จ 

แน่นอนว่า แต่ละคนล้วนมีความสามารถหรือความถนัดไม่แตกต่างกันออกไปตามแต่อาชีพหรือชีวิตเบื้องหลัง เช่น สปายก็มีอาวุธเป็นปืนเก็บเสียง เป็นต้น จึงจัดเป็นความสนุกอย่างหนึ่งที่ต้องออกค้นหาสมาชิกที่ “ใช่” มาร่วมองค์กร ในทางตรงกันข้าม ผู้คนในสังคมที่มีความหลากหลายย่อมมีความเห็นต่างกันไป บางคนอาจมีทัศนคติไม่ดีต่อ DedSec ย่อมไม่อยากมาร่วมงานด้วย แต่หากเราสามารถแฉความชั่วของฝ่ายตรงข้ามได้อาจทำให้ทัศนคติเปลี่ยนไปจนยอมมาร่วมงานด้วยก็เป็นได้

แนวทางการทำภารกิจหรือมิชชั่นก็แน่นอนว่า มีวิธีการให้เลือกใช้อย่างน้อยก็สองทางเลือกคือ ลุยซึ่งหน้าหรือลักลอบเข้าไป ซึ่งอาศัยวิชาในการแฮ็ค รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีให้ โดยตัวอุปกรณ์ (Gadget) สามารถอัพเกรดได้ด้วยการใช้ Tech Point ที่ซ่อนอยู่ตามซอกมุมหรือบนดาดฟ้าในลอนดอน อย่างไรก็ดี หากเลือกเผชิญหน้าโดยตรง เกมเพลย์ในส่วนของการต่อสู้ไม่ดุดเดือดเท่าสำหรับสายบู๊

โดยภาพรวม Watch Dogs: Legion ก็ถือว่า ทำได้ดีตามมาตรฐาน มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป อย่างเรื่องแนวทางที่ทุกคนเป็นแกนนำเป็นความโดดเด่นของเกม แต่กลับกันการที่ไม่มีตัวเอกหลักก็มีผลทำให้ผู้เล่นอินกับเนื้อหาในเกมน้อยลง สุดท้ายนี้ในวันที่ 3 ธันวาคม เกมจะปล่อย DLC Bloodlines ออกมา เป็นเนื้อเรื่องของตัวละครในสองภาคแรก รวมทั้งตัวละครที่เชื่อมโยงกับเกม Assassin Creed ด้วย

Review Score 8.5