รีวิวหนัง Monster Hunter ตะลุยโลกใหม่ ล่าสัตว์ประหลาดยักษ์... แค่นั้นแหละ

รีวิวหนัง Monster Hunter ตะลุยโลกใหม่ ล่าสัตว์ประหลาดยักษ์... แค่นั้นแหละ

รีวิวหนัง Monster Hunter ตะลุยโลกใหม่ ล่าสัตว์ประหลาดยักษ์... แค่นั้นแหละ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนังจากเกมเรื่องล่าสุดที่พัฒนามาจากเกมในชื่อเดียวกันของค่าย Capcom ซึ่งเป็นเกมแนวแอคชั่น RPG Co-Op ได้ ในเกมคุณจะได้ไปล่าสัตว์ประหลาดสุดเท่ น่าเกรงขาม และน่ากลัว ในโลกอันกว้างใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้ เหมือนเป็นโลกของเหล่าสัตว์ประหลาดมากกว่า

ตัวภาพยนตร์ได้ผู้กำกับ Paul W.S. Anderson ซึ่งเป็นมือโปร(รึเปล่านะ?) ในการทำหนังจากเกมคนหนึ่งเลย การันตีด้วยผลงานอย่าง Mortal Kombat, Dead or Alive, และหนังยาว 6 ภาคอย่าง Resident Evil ซึ่งก็มีทั้งข้อดีข้อเสียปะปนกันในไปผลงานที่แล้วๆ มาของชายคนนี้ ซึ่งเขายังพกพานักแสดงนำคู่ขวัญ และเป็นภรรยาเจ้าตัวด้วยอย่างมิลล่า โจโววิช หรือ อลิซ จากหนัง Resident Evil มาทำงานต่ออีกด้วย นอกจากนั้นยังมีนักแสดงบทบู๊ขวัญใจชาวไทยอย่างพี่ จา พนม มาร่วมสมทบด้วยอีกคน

ตัวหนังมีความพยายามขายแฟนคลับของเกมค่อนข้างมาก ด้วยการชูโรงมอนสเตอร์เด่นจากเกมเช่นราทารอส และเดียโบรอสแถมยังบัพขนาดตัวให้ใหญ่กว่าในเกมถึงประมาณ 3 เท่าเพื่อให้กินคนในเรื่องได้สะดวกโยธินแบบไม่ต้องเสียเวลากัดแต่อย่างใด

ไม่พอยังพาตัวละครสมทบจากเกมมาเต็มอัตราโดยเฉพาะจากภาค World ที่ขายดีถล่มทลาย เรียกได้ว่าขายแฟนเซอร์วิสให้คนที่เริ่มต้นเล่นเกม Monster Hunter จากภาค World สบายๆ ด้วยภาพ CG ที่สวยงามของมอนสเตอร์ทุกตัว

เสียงประกอบที่แสดงความน่าเกรงขามของมอนสเตอร์ได้ดีมาก ตัวไหนจะทำให้น่ากลัวเป็นหนังเอเลี่ยนสยองขวัญก็ทำได้ ถือว่าครบเครื่องครับกับทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการเข้าไปดูมอนสเตอร์ทั้งหลายจากเกม

แต่ปัญหามันเริ่มเกิดจากจากเส้นเรื่อง และความว่างเปล่าของบทหนังเสียมากกว่า

หนังเล่าถึงตัวเอกที่เป็นหัวหน้าทหารรับจ้างกองหนึ่งชื่อว่า อาเทมิส ที่ไปตรวจสอบสถานที่ที่คนสูญหายไปกลางทะเลทราย ก่อนที่ทั้งหน่วยจะถูกพาข้ามมิติไปยังโลก Monster Hunter และต้องเอาตัวรอดจากเหล่าสารพัดสัตว์ประหลาดที่พร้อมจะฆ่าคุณได้ทุกเวลา เพื่อที่จะหาทางกลับโลกเดิมให้ได้อีกครั้ง(เพื่ออะไรก็ไม่รู้หนังไม่บอก) โดยต้องร่วมมือกับเหล่านักล่าในโลกนั้นหยุดภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

นอกจากพี่จาที่แสดงเป็น Field Team Leader แล้ว ตัวละครอื่นๆ ไร้ที่มาที่ไป ไม่มีความต้องการที่จะให้เรารู้จักพวกเขามากกว่าการแสดงตัวบนหน้าจอภาพยนตร์แล้วก็หายไป หากพูดกันตามตรงนี่เป็นหนังของสองตัวเอกหลักเท่านั้นจริงๆ ดีนะเนี่ยไม่มีสูตรหนังฮอลลีวู้ดที่จู่ๆ ทั้งสองคนจะรักกัน

มีความพยายามสอดแทรกมุขตลกเข้ามาเรื่อยๆ แต่ได้แค่ขำแห้ง หรือไม่ก็ไม่ขำเลยเสียมากกว่า

แฟนเซอร์วิสที่ไม่สุด ซึ่งถ้าเล่าไปคงเข้าข่ายสปอยหนังแล้ว บอกแค่ว่าเราเห็นแล้วว่ามีเท่าไรก็มีเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่ค่อนข้างปรากฏตัวได้น่าผิดหวังมากๆ และคงทำได้ดีกว่านี้ถ้าให้เวลาในหนังอีกสัก 30 นาที แต่หนังมันก็จะยาวไปเสียเปล่าๆ

ช่วงท้ายมีความ Sequel Bait หรือ Cliffhanger อย่างมาก เหมือนสมัยหนัง Resident Evil ของเจ้าตัวเองเลย ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบแบบนี้เท่าไร เพราะการทำหนังที่คาดหวังว่าจะได้ทำภาคต่อแน่นอน และไม่มีตอนจบที่น่าจดจำจะทำให้หนังเรื่องหนึ่งดูแย่เสียเปล่าๆ

Review Score: 6/10

หากคุณหวังเข้าไปในโรงหนังเพื่อเสพแฟนเซอร์วิสในด้านของมอนสเตอร์ที่เรารู้อยู่แล้วใครจะมาปรากฏตัวในหนังบ้างนั้น ขอบอกเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน เพราะแต่ละตัวทำได้เท่ น่ากลัว และน่าเกรงขามครบรส นอกจากตัวเดียวที่ทำได้ไม่ดีนัก เพื่อนๆ คงเดาได้ว่าใครจาก Trailer ที่เคยปล่อยออกมา ส่วนฉากแอคชั่นในหนังก็ทำได้สนุกตามมาตรฐานดี แม้จะดึงองค์ประกอบจากในเกมมาไม่ครบถ้วนเท่าไรก็ตาม สุดท้ายเนื้อเรื่องคงต้องเรียนตามตรงว่าไม่ผ่านครับ แต่คงมีน้อยคนนักที่จะเข้าไปเพื่อดูเนื้อเรื่องของหนังจากผู้กำกับท่านนี้อยู่แล้วกระมัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook