ROV : พลังแฝง สิ่งที่หลายๆคนมองข้าม PART1
ระบบพลังแฝงนี้ได้ถูกเพิ่มเข้าเกม ROV มาอย่างยาวนานแล้ว แต่ว่าผู้เล่นหลายๆคนอาจจะยังมองข้ามไป ซึ่งยุคนี้แล้วแค่รูน และItem คงยังไม่พอ
เพราะตัวพลังแฝงนี่เองจะช่วยเพิ่มดาเมจ ลดคูลดาวน์ เพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ หรือแม้แต่เพิ่มความถึกทนของฮีโร่ได้ด้วย ทำให้ฮีโร่เหล่านั้นเก่งขึ้นไปอีก
แต่พลังแฝงเองก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ซึ่งในแต่ละประเภทเองยังสามารถให้ผู้เล่นได้จัดเรียงพลังแฝงเองได้อีกด้วย หลากหลายมากๆเลยใช่ไหมล่ะ
ซึ่งการเลือกพลังแฝงนั้นต้องเลือกให้เหมาะกับฮีโร่ และแนวทางการเล่นของผู้เล่นแต่ละคนเอง ดังนั้นเราจึงพามาขุดพลังแฝงเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อทำความรู้จักกันอย่างละเอียด
ประเภทของพลังแฝง
พลังแฝงมีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภทโดยแบ่งตามตำแหน่ง และประเภทของฮีโร่ในเกมนั่นเอง ได้แก่
VEDA : สายสว่าง สำหรับฮีโร่โจมตีระยะไกล เช่น Carry หรือ Mage
AFATA : สายป้องกัน เหมาสำหรับฮีโร่ประเภท Support หรือ Tank
HUMAN หรือ Origin Alliance : สายสมดุล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับฮีโร่ทุกประเภท ขึ้นอยู่กับผู้เล่นแต่ละคน
LOKHEIM : สายพลัง เหมาะสำหรับฮีโร่โจมตีระยะใกล้ เช่น Fighter หรือ Assassin
โดยผู้เล่นสามารถเลือกใส่พลังแฝงได้ทั้งหมด 3 ระดับของพลังแฝงประเภทนั้นๆ ได้รับพลังกันไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยทีเดียว
แต่หากผู้เล่นคนไหนอยากลองเป็นสายผสม คือการคละกันของสกิลจากพลังแฝงหลายประเภท จะสามารถใช้สกิลแต่แค่ขั้นที่ 1 ของพลังแฝงนั้นๆ นั่นเอง อย่าตกใจกันไปล่ะ
พลังแฝงประเภท VEDA
ขั้นที่ 1 มีด้วยกันทั้งหมด 3 สกิล ได้แก่
Axe of Scarifice (I) - สร้างความเสียหายให้ฮีโร่มากขึ้น 3% แต่ฮีโร่ของเราจะได้รับดาเมจมากขึ้น 2% ด้วยเช่นกัน (ฮีโร่ระยะไกล 1%)
Mana refill (II) - เมื่อใช้สกิล หรือโจมตีปกติโดนฮีโร่ฝั่งศัตรูจะฟื้นฟู 8% ของมานนาสูงสุด (คูลดาวน์ 5 วินาที) เหมาะกับฮีโร่ที่จำเป็นต้องใช้มานาเยอะๆ จำพวก Mage เป็นอย่างมาก ยิ่งใช้สกิล ยิ่งได้มานา คุ้มค่าจริงๆ
Sacred Bead (III) - คูลดาวน์สกิลอัลติเมตลดลง 10% (แต่สกิลนี้มีข้อจำกัดคือ สกิลนี้จะไม่ทำงานหากคูลดาวน์ลดถึงขีดจำกัดแล้วซึ่งก็คือ 40%) ลดคูลดาวน์มากกว่านี้จะแอบโกงแล้วนะ!
ขั้นที่ 2 มีทั้งหมด 2 สกิล ได้แก่
Blessing (I) - เพิ่มโบนัสอัตราคริติคอลจากไอเทมเวท +12% และเพิ่มโบนัสพลังเวทจากไอเทม +8% จะเห็นว่าทั้งการเพิ่มคริเวทหรือพลังเวทนั้นจะเพิ่มขึ้นจากการออกไอเทมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่การเพิ่มคริเวทหรือพลังเวทตั่งแต่ต้นเกม
ซึ่งอัตราคริเวทจะคิดเป็นทุกๆอัตราคริติคอล 10% ที่มาจากการออกไอเทม ฮีโร่เราจะได้รับอัตราคริเวทเพิ่มขึ้น 1.2% นั่นเอง และทุกๆพลังเวท 10 หน่วย ฮีโร่เราจะได้รับพลังเวทเพิ่มขึ้น 0.8 หน่วยนั่นเอง
Holy Verdict (II) - ได้รับโบนัสเจาะเกราะ ทั้งเกาะกายภาพและเกราะเวท +18 หน่วย
ขั้นที่ 3 มีทั้งหมด 3 สกิล ได้แก่
Holy Summoner (I) - เมื่อเราโจมตีครบ 3 ครั้งต่อเนื่องกัน จะเรียกแฟรี่ที่มีหน้าตาเหมือนผลึกเล็กๆลอยตามตัวเราออกมาเพื่อช่วยโจมตีเป็นเวลา 5 วินาที
โดยตัวแฟรี่นี้จะโจมตีเป้าหมายเดียวกันกับที่เราโจมตีอยู่ด้วยพลังโจมตี 0.4 ของพลังโจมตีกายภาพของฮีโร่เรา และเจาะเกราะ 100 หน่วย (คูลดาวน์ 10 วินาที)
ยิ่งฮีโร่ตัวไหนยิงเร็ว ยิงรัว เรียกได้ว่าสกิลนี้ทำให้พลังชีวิตของฝ่ายตรงข้ามไหลเป็นน้ำกันไปเลย
Holy Thunder (II) - การโจมตีหรือใช้สกิลโดนฮีโร่ฝ่ายศัตรูครั้งแรกจะปล่อยสายฟ้าสร้างความเสียหาย 80 (เพิ่มขึ้น +8 ต่อ Lv ที่เพิ่มขึ้น) จากนั้นการโจมตีปกติและสกิลครั้งถัดไปจะลดคูลดาวน์เอฟเฟกต์นี้ลง 1 วินาที (คูลดาวน์ 12 วินาที)
สกิลนี้เหมาะกับการเอาไว้ขูดเลือดขูดเนื้อกับการทำดาเมจครั้งแรกมากๆเลย ฮีโร่ที่น่าเข้ากันได้กับสกิลนี้ เช่น ไวโอเลต นั่นเอง
Sacred Protection (III) - หากได้รับความเสียหายเกิน 30% ของพลังชีวิตสูงสุดภายใน 3 วินาที จะได้รับเกราะ 550 (เพิ่มขึ้น 60 หน่วย ต่อ Lv ที่เพิ่มขึ้น) และเวทแวมไพร์ 20% เป็นเวลา 6 วินาที
ซึ่งหากได้ Kill หรือ Assaist จะได้รับการขยายเวลาเวทแวมไพร์ขึ้นอีก 3 วินาที (คูลดาวน์ 30 วินาที)
สกิลนี้เหมาะมากๆเลยกับแครี่ หรือเมจ ที่รักตัวกลัวตาย จากการแอบเข้ามาโจมตีของ Assassin ฝ่ายตรงข้าม ดาเมจชุดเดียวบอกเลยไม่ตายนะจ้ะ
พลังแฝงประเภท AFATA
ขั้นที่ 1 มีด้วยกันทั้งหมด 3 สกิล ได้แก่
River Treader (I) - เมื่ออยู่บนบริเวณแม่น้ำจะได้รับความเร็วเคลื่อนที่ 10 หน่วย พร้อมกับโบนัสฟื้นฟูพลังชีวิต 20 หน่วย และ 10 MP ทุกๆ 5 วินาที ซึ่งเหมาะมากกับฮีโร่พวก Support หรือ Tank
เนื่องจากการวิ่งไปช่วยเหลือเพื่อนในเลนอื่นได้อย่างทันเวลาส่งผลให้ทีมของเราได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม
Backstabbing (II) - หลังจากเข้าพุ่มไม้จะทำให้การโจมตีปกติครั้งต่อไปสร้างโบนัสความเสียหายจริง 4% ของ HP ที่เหลืออยู่โดยเอฟเฟกต์จะมีผล 4 วินาที หลังออกจากพุ่มไม้ (คูลดาวน์ 20 วินาที)
Tower Blessing (III) - เมื่ออยู่ในระยะป้อมจะได้รับการต้านทานสถานะเพิ่มขึ้น 15% พร้อมกับลดความเสียหายที่ได้รับลง 10%
สกิลนี้เหมาะกับการจัดเซตสำรองไว้และเลือกใช้เมื่อฝ่ายตรงข้ามมีฮีโร่ที่น่าจะโถมเข้ามาในป้อมของเรา สกิลนี้แก้ทางได้ดีเลยทีเดียว
ขั้นที่ 2 มีด้วยกันทั้งหมด 2 สกิล ได้แก่
Regrowth (I) - เมื่อเราฮีลหรือสร้างโล่ จะได้รับเอฟเฟกต์เพิ่มขึ้น 10% และหากพลังชีวิตของเป้าหมายมี่เราจะฟื้นฟูหรือตัวเราเองนี่แหละ เหลือน้อยกว่า 50% จะทำให้เอฟเฟกต์เพิ่มขึ้นอีก 10% ไม่ต้องตายไม่ต้องกลับบ่อไปเติมเลือดกันเลยทีเดียว
Nature's Gift (II) - ครีปเลน หรือมอนสเตอร์ป่า ที่ตายในบริเวณใกล้เคียง จะทำให้ฮีโร่ของเราได้รับบัฟสะสม (จำนวนบัฟ : ครีปเลน 1 ครั้ง, มอนสเตอร์ป่า 2 ครั้ง, Epic มอนสเตอร์ป่า 3 ครั้ง) โดยบัฟแต่ละครั้งจะเพิ่มพลังชีวิตขึ้นมา 8 หน่วยจนจบเกม สูงสุด 100 ครั้ง
ขั้นที่ 3 มีด้วยกันทั้งหมด 3 สกิล ได้แก่
Nature's Rage (I) - เมื่อใช้สกิลควบคุม(CC) เช่น ยั่วยุ ลอยขึ้น ผลัก สตัน แช่แข็ง ฯลฯ โดนฮีโร่จะทำให้ได้รับเอฟเฟกต์เผาใหม่ สร้างความเสียหายเวท 1% ของ HP ทุกๆ 0.5 วินาที รวมถึงลดเกราะเวทศัตรูที่โดนเผาลง 30 หน่วย (คูลดาวน์ 25 วินาที)
ถ้าเรามีสกิลนี้แล้วไปแก๊งกับ mage ในทีมเรา ฝ่ายตรงข้ามน่าจะเจ็บน่าดูเลยนะ
Explosive Shield (II) - ฮีโร่เราจะสะสมบัฟเมื่อโดนโจมตี เมื่อสะสมบัฟครบ 20 ครั้งจะลบล้างสถานะควบคุม (CC) ทั้งหมด และระเบิดพลังสร้างความเสียหายเวท 10% ของพลังชีวิตสูงสุด
พร้อมสตันศัตรูเป็นเวลา 0.75 วินาที รวมถึงได้รับเอฟเฟกต์ฟื้นฟูเพิ่มขึ้น 30% หรือได้เลือดเพิ่มขึ้นนั่นเอง เป็นเวลา 3 วินาที
Forest Wanderer (III) - เมื่อไม่ได้ต่อสู้ การโจมตีปกติครั้งต่อไปจะลดความเร็ว 30% เป็นเวลา 1 วินาที และติดสัญลักษณ์ให้เป้าหมาย ซึ่งจะระเบิดหลังเวลาผ่านไป 3 วินาที และสร้างความเสียหายเวท 10% ของ HP สูงสุด
เหมาะกับฮีโร่ที่เราจะนำไปโรมมิ่งเน้นการเดินไปช่วยเหลือทีมเป็นหลัก เนื่องจากสกิลนี้จะสามารถทำให้ยีนอยู่ในวงไฟต์ได้นาน