ย้อนมองวงการเกม กรณีทรัมป์โดนแบนทวิตเตอร์
เกมเมอร์ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่คุ้นเคยกับกรณีการแบนบัญชีเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแบนเนื่องการซื้อขายของในเกม การตั้งชื่อไม่เหมาะสม หรือการใช้โปรแกรมช่วยต่างๆ เมื่อไม่นานมานี้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ คือ ประธานาธิบดีสหรัฐ ดอนัลด์ ทรัมป์ โดนทวิตเตอร์แบนบัญชี @realDonaldTrump ที่มีผู้ติดตามกว่า 88 ล้านบัญชี
สาเหตุที่ Twitter แบนบัญชีทรัมป์เกิดจากการทำผิดนโยบาย (Policy) ข้อที่เกี่ยวกับการเชิดชูความรุนแรง หรือ Glorification of Violence policy จากทวีต 2 ครั้งล่าสุดคือ
“The 75,000,000 great American Patriots who voted for me, AMERICA FIRST, and MAKE AMERICA GREAT AGAIN, will have a GIANT VOICE long into the future. They will not be disrespected or treated unfairly in any way, shape or form!!!”
และ
“To all of those who have asked, I will not be going to the Inauguration on January 20th.”
ทวิตเตอร์แจ้งว่าทวีต 2 อันล่าสุด ผิดนโยบายเชิดชูความรุนแรงด้วยเหตุผลหลัก 5 ข้อ สามารถเข้าไปอ่านต้นฉบับจาก Twitter ได้ที่นี่
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีหลายฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้เหตุผลหลักคือการแบนนี้ถือเป็นการเซนเซอร์ ผิด First Amendment ของสหรัฐอเมริกาที่พูดถึงเสรีภาพทางการพูด (Freedom of Speech) อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าข้อโต้แย้งนี้ไม่ได้ทำให้ทวิตเตอร์ปลดแบนทรัมป์แต่อย่างใด ทวิตเตอร์แบนทรัมป์เพราะทรัมป์ทำผิดนโยบายของบริษัท การอ้างถึงเสรีภาพในการพูด ถ้ามองย้อนกลับมาวงการเกมก็เปรียบเสมือนกรณีที่ EA แบนผู้เล่น FIFA ที่ชื่อว่า Kurt0411 หรือกรณีที่ Blizzard Entertainment แบนผู้เล่น Heartstone ชื่อ Blitzchung
ทั้ง Kurt0411 และ Blitzchung ต่างใช้เสรีภาพทางการพูดเหมือนกัน แต่สังคมส่วนใหญ่เข้าข้าง Blitzchung กับ EA ไม่ใช่เข้าข้าง Kurt0411 กับ Blizzard Entertainment ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเรื่องที่คล้ายกันมีมิติหลายมิติ เพื่อป้องกันการสับสน เรามาแยกมิติการถกเถียงกันดีกว่า โดยแยกออกเป็น 3 ประเด็นหลักและใช้กรณีทรัมป์เป็นกรณีตัวอย่าง ดังนี้
- ถกเถียงว่าเหตุผลหลัก 5 ข้อ ที่ทวิตเตอร์แสดงให้เห็นว่าทรัมป์เชิดชูความรุนแรงนั้น จริงเท็จอย่างไร
- ถกเถียงว่าทรัมป์ทำผิดนโยบายทวิตเตอร์หรือไม่
- ถกเถียงว่านโบบายของทวิตเตอร์เหมาะสมหรือไม่
ทั้ง 3 ประเด็นเป็นการเรียงจากมิติเล็กไปใหญ่
- สำหรับประเด็นแรก หากคุณหาหลักฐานและเหตุผลมาโต้แย้ง เช่น ข้อที่ 1 (อ่านต้นฉบับจาก Twitter ได้ที่นี่) ข้อมูลคำพูดของทรัมป์ ที่ Dan Scavino กล่าวถึงนั้นไม่ใช่คำพูดของทรัมป์จริงๆ ทวิตเตอร์ก็ควรปลดแบนทรัมป์เนื่องจากได้ใช้หลักฐานเท็จในการพิจารณาแบน
- สำหรับประเด็นสอง หากคุณหาหลักฐานและเหตุผลมาโต้แย้ง เช่น มีหลักฐานว่า 100% ของคนอ่านทวีตทรัมป์ไม่ได้รู้สึกอยากก่อความรุนแรง ทวิตเตอร์ก็ควรปลดแบนทรัมป์หากไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลอื่นมาโต้แย้ง
- สำหรับประเด็นสาม หากคุณหาหลักฐานและเหตุผลมาโต้แย้ง เช่น การใช้เสรีภาพทางการพูดเพื่อเชิดชูความรุนแรงนั้นไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม โดยมีหลักฐานจากงานวิจัย XYZ ทวิตเตอร์ก็ควรแก้ไขนโยบายนี้ หรือไม่ควรมีนโยบายนี้ไปเลย
ย้ำว่าการใช้ตัวอย่างด้านบนเป็นเพียงตัวอย่างสมมติเท่านั้น แต่ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าการอ้างว่าทวิตเตอร์ควรปลดแบนเพราะทรัมป์ต้องมีเสรีภาพในการพูดเฉยๆนั้น เป็นการอ้างที่ตื้นเกินไปและไม่ได้ทำให้ทวิตเตอร์สนใจที่จะปลดแบนทรัมป์แต่อย่างใด
สิ่งที่ต้องชื่นชมทวิตเตอร์ในครั้งนี้คือการสื่อสาร สำหรับวงการเกม หากมีการแบนบัญชีเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น EA, Blizzard Entertainment, หรือบริษัทเกมใดๆ เกมเมอร์ควรเรียกร้องให้บริษัทแสดงหลักฐานและเหตุผลของการแบน หากเราไม่เห็นด้วย ก็ต้องหาหลักฐานและเหตุผลมาโต้แย้งเพื่อที่จะได้ถกเถียงกันอย่างอารยชน สิ่งที่เราไม่ควรยอมคือการแบนบัญชีไปเฉยๆ โดยไม่มีการสื่อสารใดๆทั้งสิ้น
พลังของ Social Media นับวันยิ่งจะมีมากขึ้นเรื่องๆ การที่ทวิตเตอร์แบนบัญชีของทรัมป์ที่มีผู้ติดตามเกือบ 100 ล้านคน อาจส่งผลกระทบต่อทรัมป์มากกว่าการที่เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิปดีอีกสมัยก็เป็นได้ ไม่แน่ ในอนาคตเราอาจเห็นรัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างนโยบายของบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น