(Minor Spoiler) (Playstation 4 Review)

หลังจากได้วางขายเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นไปเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดภาคต่อของเกม JRPG ระดับท็อปอย่าง Persona 5 ก็ได้วางขายเวอร์ชั่น International เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับการยกระดับการเป็นจอมโจรมายา ผู้ขโมยหัวใจของคนชั่วในสังคมให้พวกเขาต้องสารภาพผิดด้วยตัวเอง ที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่อจากภาคดั้งเดิม และขยายระบบต่อสู้ไปสู่รูปแบบมุโซ 1 คน(แต่ในเกมไปเป็นปาร์ตี้ 4 คน) ปะทะกองทัพศัตรูนับร้อยอารมณ์เกม สามก๊ก

Persona 5 Stikers ปรับเปลี่ยนรูปแบบเกม RPG ของเกมตระกูล Persona เดิมให้กลายเป็น Action เต็มตัว แต่ก็ยังไม่ได้ทอดทิ้งระบบ RPG หลายๆ ส่วนไป ทั้งการใช้สกิลของ Persona ที่ต้องมีชนะแพ้ทางกับศัตรูในฉาก และการวางแผนใช้ตัวละครและ Persona ที่ถูกต้องเพื่อรับมือกับศัตรูที่โหดหินยิ่งกว่าเดิม

ระบบของเกมจะยังแบ่งเป็นสองส่วนเช่นเคยคือการต่อสู้กับเหล่าศัตรูหรือชาโดว์ในโลกอีกมิติหนึ่งที่ในภาคนี้เปลี่ยนจาก Palace มาใช้ชื่อว่า Jail แทน ที่คุณต้องสำรวจโลกต่างมิติสุดลึกลับเต็มไปด้วยปริศนา พร้อมทั้งช่วยเหลือคนที่ถูกขโมยหัวใจหรือความปรารถณาไป กับการใช้ชีวิตในโลกปกติที่คุณต้องเตรียมตัว หาของกินของใช้ หาอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือเตรียม Persona อันทรงพลังไว้ให้พอเพียงเพื่อเลือกใช้ในการต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุด

ปัญหาคือตัวระบบการใช้ชีวิตในโลกปกติของเกมนี้นั้นถูกตัดทอนลงไปพอสมควร ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีที่สุดอีกต่อไปแล้ว เกมบังคับไทม์ไลน์ของเนื้อเรื่องให้เดินไปตามจังหวะของมันอย่างไม่มีทางเลือก นั่นคือไม่ว่าผู้เล่นจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ใน Jail หรือจะออกจาก Jail มาหาไอเทมเสริม หรือพักฟื้นร่างกายเพื่อเตรียมเข้าไปลุยใหม่ ก็ไม่ได้เสียวันเวลาไปเหมือนภาคดั้งเดิมแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการบริหารจัดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ที่เรียกว่าระบบ Confidant อีกด้วย เนื้อเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวละครจะถูกบังคับให้เดินตามการเล่าเรื่องล้วนๆ

แต่บัพช่วยเหลือที่ได้จาก Confidant ในเกมภาคดั้งเดิมนั้นถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นระบบ Bond แทน ที่จะใช้วิธีการนำเลเวลความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนๆ ทุกคนมานับรวมกัน และนำเอาแต้มที่ได้จากการเลเวลอัพความสัมพันธ์นี้ ไปอัพเกรดความสามารถของปาร์ตี้โดยรวมแทน ไม่ว่าจะเพิ่ม Stat เพิ่มความสามารถของ Navi ในการสนับสนุนการต่อสู้ หรือปลดล็อคความสามารถต่างๆ

โลกของเกมยังมีขนาดใหญ่และใช้เวลาในการเล่นที่เยอะมากเช่นกัน ต่ำๆ แล้วคิดว่าแต่ละคนน่าจะใช้เวลาเล่นเกมนี้ให้จบแบบไม่ได้กะเก็บ 100% ก็น่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30-40 ชั่วโมงแน่นอน เรียกได้ว่าเล่นกันคุ้มไปเลย และมีการขยายสเกลของเกมให้กว้างใหญ่ขึ้นยิ่งกว่าเดิมไม่ได้อยู่แค่ในเมืองโตเกียวอีกต่อไป แถมยังทำได้ดียังกับทำเกมโปรโมตการท่องเที่ยวเลยละ

ระบบต่อสู้ของเกมและการคอนโทรลสามารถพูดได้ว่าเอาระบบของเกมแนวมุโซทั้งหลาย มาเสริมระบบด้าน RPG ของเกม Persona เข้าไปอย่างสวยงามและกลมกลืนกันได้อย่างดี โดยตัวเกมจะมีด้านของ Tactical ผสมอยู่ด้วยเช่นในการต่อสู้ปกติจะเป็นแบบ Real Time แต่เมื่อคุณจะใช้พลัง Persona เพื่อใช้สกิลต่างๆ เกมจะหยุดเวลาให้เพื่อให้คุณมีเวลาคิดวางแผนด้วย

การเคลื่อนที่ในโลกต่างมิติ Jail นั้นไม่เอื้อให้การคุณวิ่งไปมาแบบไม่คิดอะไรเหมือนตอนเล่นเกมมุโซอย่างสามก๊ก เกมสนับสนุนให้ผู้เล่นทำการเคลื่อนที่แบบลอบเร้นแทนการบุกตะลุยแบบไม่คิดค่อนข้างมาก ศัตรูหลายตัวมีความยากและเก่งกว่าเรา แต่สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย หากคุณทำการลอบโจมตีศัตรูจากที่ซ่อนที่เรียกว่าระบบ Ambush แถมยังมีสกิลเสริมพลังการ Ambush ให้เกมเล่นง่ายขึ้นอีกหลายด้านด้วยกัน

ภาพและกราฟฟิคของเกมยังคงเอกลักษณ์จากตัวเกมดั้งเดิมได้ดีเยี่ยม อาร์ตสไตล์ Persona และการใช้สีมีความเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและตื่นตาตื่นใจเช่นเคย และน่าชื่นชมในด้านการ Render ตัวละครศัตรูจำนวนมากในฉากเดียวที่ไม่รู้สึกติดขัด และมองเห็นศัตรูได้เต็มฉากมีความวุ่นวายและพร้อมถล่มทั้งกองทัพได้จริงๆ

เพลงประกอบมีทั้งเพลงใหม่ และเพลงเก่าแบบ Remix ซึ่งก็ฟังไพเราะสนุกไปอีกแบบเช่นกัน แต่รู้สึกว่าเพลงจากภาค Persona 5 และ Persona 5 Royal เพราะกว่านิดหน่อย

และก่อนจะสรุปคะแนนอยากจะพูดถึงเรื่องภาษาพูดในเกม Persona 5 กันสักหน่อย เพื่อนๆ ที่ชอบเล่นเกมแนวนี้หลายคนก็คงเลือกจะเล่นแบบเสียงญี่ปุ่นหรือ Japanese Dub กันและมองว่าเสียงภาษาอังกฤษไม่ดีเท่าต้นฉบับใช่มั้ยครับ แต่ในยุคสมัยนี้แทบทุกเกมที่มีหลายเสียงภาษาให้เลือกนั้นแต่ละค่ายเกมก็ยกระดับพัฒนาขึ้นมามากแล้ว โดยเฉพาะเกม Persona 5 นี้ที่เสียงภาษาอังกฤษนั้นก็มีความใส่ใจ และคุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าญี่ปุ่นแล้วละ เพราะงั้นผู้เขียนก็อยากจะขอให้ทุกคนลองให้โอกาสเสียงภาษาอังกฤษดูนะครับ

Review Score: 9/10

เป็นภาคต่อที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม แน่นอนว่าคุณต้องเล่นเกม Persona 5 มาก่อนเพื่อเล่นเกมนี้ให้รู้เรื่อง ด้วยระบบแอคชั่นสไตล์เกมมุโซ ที่ต้องปะทะกับศัตรูแบบ 1 ต่อ 100 นอกจากรักษามาตรฐานความมันส์ไว้แล้ว ยังอัพเกรดด้วยระบบ RPG ของตัวเกมดั้งเดิมเพิ่มเข้ามาได้สนุก และกลมกล่อมมากๆ นอกจากนี้ตัวเนื้อเรื่องยังขยายสเกลของเกมซีรีส์ Persona 5 ให้ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าทุกภาคที่เคยทำมาอีกด้วย เสียอย่างเดียวคือตัวเกมยังต้องการโอกาสจากผู้เล่นในการเล่นให้ผ่านช่วงแรกประมาณ 4-5 ชั่วโมงเพื่อปูพื้นฐานของเรื่องไปให้ได้ก่อน จังหวะของเกมถึงจะเริ่มสนุกเร้าใจและไต่ระดับขึ้นไปไม่หยุดยั้ง

อัลบั้มภาพ รีวิว Persona 5 Strikers ขโมยหัวใจคนชั่ว ในแบบ Action เต็มพิกัด 1 ปะทะ 100 ภาพที่ 7 / 28

รีวิว Persona 5 Strikers ขโมยหัวใจคนชั่ว ในแบบ Action เต็มพิกัด 1 ปะทะ 100

อัลบั้มภาพที่เกี่ยวข้อง

เผยวิดีโอตัวอย่างใหม่ Persona 3 Reload จากงาน Anime Expo 2023

Steam จัดเทศกาลลดกระหน่ำเกม JRPG พร้อมเกม 18+ จากฝั่งญี่ปุ่น ถึง 22 มี.ค. นี้