Review: Chivalry II ภาคต่อเกมมหาสงครามของเหล่าอัศวินจากยุคกลาง

Review: Chivalry II ภาคต่อเกมมหาสงครามของเหล่าอัศวินจากยุคกลาง

Review: Chivalry II ภาคต่อเกมมหาสงครามของเหล่าอัศวินจากยุคกลาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นเกมภาคต่อสำคัญคอเกมแนวสงครามที่ชอบลงไปบู๊ด้วยตัวเองกับเกม Chivalry II ที่ตอนนี้ได้ทำการเปิดให้ทดสอบช่วง Beta กันนะครับ โดยทางทีมงาน Sanook Game ก็ได้เข้าไปเล่นในช่วงทดสอบนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนหลังจากตัวเกมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบก็เป็นได้ ดังนั้นรีวิวเกมครั้งนี้น่าจะเป็นไกด์ให้สำหรับเกมเมอร์ชาวไทยที่อยากจะเล่นเกมในสไตล์นี้ก็แล้วกันนะครับ

เนื้อเรื่อง

 

เนื้อหาของตัวเกมนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก โดยจะเล่าถึงมหาสงคราม การประหัตประหารกันของ 2 อาณาจักรที่มีชื่อว่า Agatha ที่ใช้สีน้ำเงินและ Mason ที่ใช้สีแดง ซึ่งตัวละครของผู้เล่นก็จะเป็นทหารในสังกัดของอาณาจักรที่ว่ามานี้ไปออกรบกับศัตรู เพื่อสะสมชื่อเสียง เงินทอง ลาภยศต่างๆ เพื่อไต่เต้าจากพลทหารธรรมดาๆ ให้กลายเป็นแม่ทัพบัญชาการทหารนับหมื่นนับแสนในภายหลัง

การนำเสนอ

 

ตัวเกมภาคต่อนี้ ทางทีมงาน Torn Banner Studios ก็ยังคงสานต่อเอกลักษณ์ของเกมภาคแรก ด้วยการเล่าเรื่องของตัวเกมหลักผ่านสงครามของ 2 อาณาจักร ซึ่งตัวเกมได้ใช้งานอาร์ตและสถาปัตยกรรมของยุโรปในยุคกลางมาใช้เหมือนเดิม พร้อมกับให้ตัวละครของเรานั้นเป็นผู้ดำเนินเรื่อง ซึ่งเอาจริงๆ แล้วตัวเกมก็แทบไม่มีเนื้อเรื่องให้เรานั้นได้เสพกันซักเท่าไหร่ แต่ตัวเกมนั้นจะโฟกัสไปที่เรื่องของระบบการเล่นเป็นหลัก

ระบบการเล่น

 

เป็นหัวใจสำคัญสำหรับเกม Chivalry II เลยก็ว่าได้ สำหรับเกมภาคนี้ที่มีการออกแบบการเล่นได้สมจริงมากยิ่งขึ้น แถมยังมีการแตกไลน์เพิ่มเข้าไปอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Class ภายในเกมที่จะมี 4 สายได้แก่ Archer, Vanguard, Footman และ Knight พร้อมกับการอัปเกรดเมื่อเล่นไปถึงระดับหนึ่ง แถมตัวเกมยังมีระบบ Customization ที่ให้ผู้เล่นได้โมดิฟายตัวละครของเราอย่างอิสระ ตั้งแต่เสื้อผ้า ยันหน้าตาของตัวละคร ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ จะปลดล็อคเมื่อเราสะสมเหรียญทองภายในเกมจนถึงระดับที่กำหนด ยกเว้นเรื่องของอาวุธนั้นจะมีการเก็บ EXP ของอาวุธประเภทนั้นๆ ยิ่งใช้งานบ่อย เลเวลก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

 

นอกจากนั้นแล้วตัวเกมก็มีโหมดการเล่นให้เลือกมากมาย แต่ในช่วง Beta จะมีการเปิดให้เล่น 3 โหมด ได้แก่ โหมด 64 คน, 40 คน ที่จะเป็น Team Deathmatch และ Free-for-All ที่จะให้ผู้เล่นลงไปสู้กับผู้เล่นคนอื่นได้อย่างอิสระ แต่สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยเล่นเกมนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะตัวเกมจะมีระบบ Tutorial ที่จะอธิบายการเล่นอย่างละเอียด ใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็สามารถเข้าไปเล่นเกมนี้ได้เลย

กราฟิก

 

เรื่องของกราฟิกในเกมภาคนี้ มีการยกระดับจากของเดิมทั้งหมด แถมยังใส่รายละเอียดเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวละคร, อาวุธ, ชุดเกราะ รวมไปถึงองค์ประกอบฉากอื่นๆ แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือตัวเกมกับไม่กินสเป็คมากนัก คอมพิวเตอร์ใครที่ใช้การ์ดจอเก่าๆ เช่น GTX 750 Ti หรือ Radeon RX 400 Series ประมาณนี้ก็สามารถเล่นได้แบบลื่นๆ ถ้าปรับกราฟิกในระดับ Low แต่งานภาพก็ไม่ได้ดรอปจนน่าเกลียดจนเกินไป

ภาพรวม

 

ถือว่าเป็นการยกระดับตัวเกมจากภาคแรกได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะเรื่องของกราฟิกและการเล่นที่หลากหลาย รวมไปถึงการ Optimize ก็ทำออกมาดีเยี่ยม แต่ก็ยังมีข้อติในเรื่องของระบบการเล่นที่อาจจะมีหน่วงๆ บ้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากเซิร์ฟเวอร์ที่เล่น เพราะเกมนี้มีเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่สิงคโปร์ ดังนั้นก็ต้องทำใจไว้ก่อนนะครับ ถ้าเกิดจังหวะที่เล่นนั้นยังไม่เจออะไรแต่จู่ๆลงไปนอนก็รู้ไว้เลยครับว่าช่วงนั้น Ping ขึ้นแน่นอน

คะแนน – 8/10 คะแนน ทำออกมาดีแล้ว ถ้าเก็บรายละเอียดงานเพิ่มเติมในอนาคตได้ก็เยี่ยมเลย

ทั้งหมดนี้ก็คือการรีวิวเกม Chivalry II ช่วง Beta นะครับ ตัวเกมจะเปิดให้ทดลองไปจนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ก่อนที่จะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ ตัวเกมวางจำหน่ายบน Epic Games Store, PS5, PS4, Xbox Series X/S และ Xbox One ส่วนฝั่ง Steam จะวางจำหน่ายให้เล่นกันในภายหลังต่อไปครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook