รีวิว Biomutant หนูพิฆาต ฟาดไม่เลี้ยง
Biomutant เกม Action RPG จากค่ายน้องเล็ก Experiment 101 เป็นเกมที่หลายคนแอบให้ความสนใจในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเกมเป็น Open World ที่มีภาพบรรยากาศที่สวยงาม และยังมีระบบการเล่นเป็นเกมแอ็คชั่นที่มีความผสมผสานของการใช้อาวุธกับความสามารถของตัวละคร จึงทำให้เกมเปิดตัวออกมาดูเล่นใหญ่มากกว่าที่คิด แต่จะน่าเล่นอย่างกับที่เห็นมาหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้แล้วในตัวเกมที่ได้วางจำหน่ายบน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S, PC
เนื้อเรื่องของ Biomutant เริ่มขึ้นเมื่อตัวละครเอกได้พบว่าต้นไม้แห่งชีวิต กำลังได้รับผลกระทบจากน้ำมันและสารเคมีที่เป็นมลพิษจากใต้ดิน เขาจึงต้องเดินทางไปยังรากทั้ง 5 เพื่อจัดการ World Eater ที่กำลังจะนำมาซึ่งหายนะของวันสิ้นโลก แต่ในขณะเดียวกัน โลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยอันตรายจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ที่ได้เติบโตขึ้นมานานหลายปีจนมีสติปัญญา และแบ่งแยกการปกครองดินแดนออกเป็นชนเผ่าของตัวเอง ทำให้ผู้เล่นต้องร่วมมือต่อสู้กับชนเผ่าอื่นในระหว่างการเดินทาง พร้อมกับเดินทางเพื่อหาบทสรุปของการแก้แค้นจากเหตุการณ์ในอดีตไปด้วย
การเล่าเรื่องของเกมจะใช้เสียงบรรยายตลอดการเดินทาง ซึ่งเหล่าสัตว์กลายพันธุ์นั้นไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ผู้เล่นจึงต้องคอยรอฟังการแปลบทสนทนาอีกทีหนึ่งเสมอ ทำให้การสนทนาแต่ละครั้งออกมาล่าช้า และการเล่าเรื่องของเกมในแต่ละฉากก็ยังทำออกมาได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะการเล่นใหญ่ที่พยายามทำให้เป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ของแต่ละดินแดน แต่ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นแค่การต่อสู้ของ NPC 2-3 ตัว และเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่แค่การไปบุกยึดดินแดนด้วยการทำเควสต์เดิมซ้ำ ๆ จึงค่อนข้างที่จะซ้ำซากและไม่มีความน่าตื่นเต้นแม้แต่กับการสู้กับหัวหน้าของแต่ละเผ่า ทั้งที่เนื้อเรื่องของเกมได้วางบทเอาไว้ให้มีความยิ่งใหญ่ทั้งการเดินทางล้างแค้น การทำสงครามดินแดน และการมาถึงของวันสิ้นโลก แต่ก็ไม่ได้มีส่วนไหนที่ทำให้รู้สึกว่าน่าติดตามได้เลย
ก่อนเริ่มเกมผู้เล่นสามารถเลือกสายความสามารถของตัวละครได้แตกต่างกัน อย่างเช่น Mercenary จะถนัดใช้อาวุธระยะประชิด Commando ถนัดใช้อาวุธปืน Psi-Freak ถนัดใช้พลังพิเศษ แต่โดยรวมแล้วผู้เล่นสามารถใช้อาวุธได้ทุกอย่างเหมือนกันหมด ต่อให้เลือกเล่นสายยิงก็สามารถหยิบอาวุธเข้าไปฟาดศัตรูได้เสมอ สิ่งที่แตกต่างกันจึงมีเพียงแค่สกิลติดตัวของแต่ละสายที่จะอัปเกรดได้ในภายหลังเท่านั้น
ไม่ว่าจะเลือกเล่นความสามารถของตัวละครแบบไหน ผู้เล่นก็สามารถอัปเกรดความสามารถและสกิลใหม่ของตัวละครได้เหมือนกัน แต่สกิลที่มีให้ก็ไม่ได้มีหลากหลายมาก ซึ่งถ้าหากปลดล็อกสกิลหมดแล้วก็หมดแค่นั้นไม่มีการอัปเกรดอะไรเพิ่มเติม และในเกมจะมีระบบการเลือกตอบของการกระทำ ซึ่งจะทำให้เพิ่มคะแนนของแสงสว่างและความมืด และสามารถนำแต้มไปปลดล็อคสกิลของแต่ละสายได้ โดยผู้เล่นสามารถเลือกสายไหนสลับกันก็ได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่องมากนัก นอกจากในตอนจบของเกมที่จะต่างกันเล็กน้อยตามการเลือกตอบ
ระบบการต่อสู้ของเกมจะเป็นแอ็คชั่นที่สามารถใช้ได้ทั้งอาวุธระยะใกล้และระยะไกล แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสามารถต่อท่าทำคอมโบได้อย่างต่อเนื่องหลากหลาย เพราะระบบโจมตีระยะใกล้จะมีแค่การกดโจมตีปุ่มเดียว ไม่มีการใช้ปุ่มโจมตีเบา/โจมตีหนัก หรือการยิงปืนเองก็เป็นการกดวิ่งไล่ยิงใส่ศัตรูโดยที่ไม่มีการเล็งเป้าหมาย โดยรวมแล้วเป็นระบบการต่อสู้ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แต่อย่างน้อยก็มีข้อดีที่ท่าโจมตีและการใช้ท่าพิเศษจะเปลี่ยนไปตามอาวุธที่ใช้ จึงทำให้ดูมีความแตกต่างในการเลือกใช้อาวุธแต่ละแบบ
ในภาพรวมต้องบอกว่าระบบการต่อสู้ของเกมทำออกมาได้เพลิน ๆ แต่ก็ไม่ได้ดูลื่นไหลสวยงามอย่างที่คิดมากนัก การต่อสู้ในที่แคบก็ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการติดมุมกล้องอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นการเล่นแบบทั่วไปจึงถือว่าทำมาได้สนุกแค่พอประมาณ เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการเล่นแอ็คชั่นง่าย ๆ แต่ก็ท้าทายฝีมือในระดับหนึ่ง นอกจากว่าถ้าหากผู้เล่นมีความเชี่ยวชาญในการเล่นเกมแอ็คชั่นมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็สามารถใช้สกิลพิเศษผสมกับการใช้อาวุธเพื่อทำคอมโบสวย ๆ จัดการศัตรูได้ อย่างไรก็ตาม ศัตรูของเกมก็ไม่ได้มีรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกันมาก นอกจาการต่อสู้กับ World Eater ที่เป็น Boss ทั้ง 5 ตัว ซึ่งทำออกมาได้มีลูกเล่นแตกต่างน่าสนใจกว่าปกติ
สิ่งที่น่าสนใจของเกม คืออุปกรณ์สวมใส่ที่มีให้ค้นหาอย่างหลากหลายแบบ และยังมีการใช้วัตถุดิบที่หามาได้ในการประกอบเป็นอาวุธใหม่ขึ้นมาเองได้ โดยอุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้ว ถ้าหากไม่ขายก็สามารถนำมาแยกย่อยเป็นอะไหล่ในการประกอบอาวุธใหม่ได้ ซึ่งแต่ละชิ้นส่วนจะมีการระบุว่าจำเป็นต้องใช้ไหล่ชิ้นไหนจำนวนเท่าไหร่ จึงเป็นข้อดีที่ให้ผู้เล่นได้ตามหาชิ้นส่วนอาวุธอย่าง ใบดาบ ด้ามดาบ ปากกระบอกปืน หรือแม็กกาซีนกระสุน ที่มีระดับค่าสถานะและความหายากแตกต่างกัน เพื่อมาประกอบอาวุธเป็นอาวุธใหม่สุดเท่ได้ตามใจชอบ
และด้วยโครงเรื่องของเกมที่เป็นโลกหลังการล่มสลาย ทำให้ผู้เล่นได้พบบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในการสำรวจโลกของเกม ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติเติบโตขึ้น หรือซากอารยธรรมของโลกใบเก่าที่ล่มสลายไปพร้อมกับสารเคมี ซึ่งผู้รีวิวได้ทำการเล่นเกมบน PC ถือว่าตัวเกมใช้ Unreal Engine ทำภาพบรรยากาศออกมาได้ดีพอสมควร อีกทั้งยังมีการวางสถานที่ต่าง ๆ ประกอบกับบรรยากาศของเกมเอาไว้ได้ดี จึงทำให้รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปพบเจอสถานที่ใหม่อยู่เรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกจำเจ และตัวเกมก็พยายามใส่สถานที่ต่าง ๆ อย่างห้องลับหรือดันเจี้ยนใต้ดินมาให้ค้นหาด้วย
นอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้วผู้เล่นยังสามารถทำซับเควสต์ได้ระหว่างการเดินทาง โดยบางเควสต์จะเป็นการปลดล็อคลูกเล่นใหม่ ๆ อย่างเช่นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางไปบางสถานที่ได้ ทำให้ยิ่งเล่นก็ยิ่งเจอความแปลกประหลาดที่เกมใส่เข้ามาเรื่อย ๆ ทว่าด้วยความที่โมชั่นการเคลื่อนไหวของตัวละครนั้นค่อนข้างช้า ทำให้ต่อให้ผู้เล่นจะได้สัตว์เป็นยานพาหนะมาแล้วก็ยังรู้สึกว่าการเดินทางสำรวจโลกของเกมเป็นไปได้ช้ามากอยู่ดี
ส่วนที่เป็นปัญหามากที่สุด คือส่วนของเพลงประกอบฉากและเสียงประกอบต่าง ๆ ที่เรียกได้ว่าย่ำแย่เอามาก ๆ เพราะในขณะที่ตัวเกมเต็มไปด้วยการต่อสู้และมีความแอ็คชั่นที่รวดเร็ว แต่เพลงประกอบของเกมกลับไม่มีความตื่นเต้นเลยแม้แต่เพลงตอนสู้กับ Boss รวมถึงเสียงของอาวุธตอนโจมตีก็ไม่มีน้ำหนักของการกระทบวัตถุเอาซะเลย ประกอบกับการใช้เสียงบรรยายแม้แต่ในตอนต่อสู้แล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกชวนง่วงเพราะเพลงประกอบของเกมเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ นับว่านี่เป็นตัวอย่างที่ดีเลยว่าเกมแอ็คชั่นที่ขาดเสียงประกอบที่ดีนั้นทำให้ขาดอารมณ์ร่วมไปมากขนาดไหน ซึ่งมันทำให้ความสนุกของเกมลดลงไปมากอย่างประมาทไม่ได้เลย
Review Score: 7/10
ต้องชมว่า Experiment 101 พยายามทำเกมเล็กให้ดูเป็นเกมใหญ่มาก ทำให้เกมมีหน้าตาออกมาดูเหมือนกับเกมฟอร์มยักษ์หลายเกมรวมกันเลยทีเดียว แต่การใส่ไอเดียที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหลาย ๆ เกมไว้ทั้งหมด โดยที่ไม่ได้มีด้านไหนที่โดดเด่นอย่างชัดเจนเลย ก็เหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เกมหาความชัดเจนของตัวเองไม่เจอ อีกทั้งการที่ต้องฟังเสียงบรรยายตลอดทั้งเกม ก็ยังเป็นเหมือนยากล่อมให้ชวนง่วงระหว่างการเล่นได้เป็นอย่างดี
ยังดีที่ทาง Experiment 101 ได้รับฟังปัญหาจากผู้เล่น และประกาศว่าจะปรุงปรุงแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ แต่ถึงจะแก้ไขในส่วนนั้น เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องของเกมก็ถือว่าขาดความน่าสนใจไปแล้ว ถ้าหากผู้เล่นสนใจจะหยิบเกมนี้มาเล่นในตอนนี้ นั่นหมายความว่าคุณต้องสนุกกับระบบการเล่นที่ทำออกมาได้เพียงแค่สนุกเพลิน ๆ มากกว่าที่จะคาดหวังว่าจะได้รับความสนุกเต็มอิ่มในระหว่างการเล่นเหมือนเกมฟอร์มยักษ์เกมอื่น ๆ