Review Halo: Infinite การกลับมาของเกมเดินยิงรุ่นเก่าที่กลายเป็นของใหม่ในปี 2021

Review Halo: Infinite การกลับมาของเกมเดินยิงรุ่นเก่าที่กลายเป็นของใหม่ในปี 2021

Review Halo: Infinite การกลับมาของเกมเดินยิงรุ่นเก่าที่กลายเป็นของใหม่ในปี 2021
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

*ทดสอบบนระบบ PC*

เอ่ยชื่อ Halo เกมเมอร์รุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูหรือเคยได้ยินมาก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือเกมเดินหน้ายิงยุคบุกเบิกของ Microsoft ที่ช่วยสร้างชื่อให้กับเครื่อง Xbox พร้อมกับสร้างฐานแฟนเกมเดินหน้ายิงบนเครื่องคอนโซลให้เกิดขึ้นมาได้ และหลังจากผ่านเวลาไปหลายปี Halo Infinite ก็ได้ฤกษ์กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกใหม่ที่หลายคนคิดถึงและขาดหายไปในเกมแนวเดินหน้ายิงยุคปัจจุบัน

Story

Halo Infinite ดำเนินเรื่องราวต่อจากเกมภาคที่ 5 Master Chief เอาตัวรอดจากสงครามอันหนักหนาและปมปัญหาระหว่าง Cortana AI สาวคู่ใจไปได้ แต่ทีม UNSC กลับถูกตลบหลังโดยเหล่าร้ายที่เรียกตัวเองว่า Banished จน Master Chief ต้องสิ้นสภาพไปหลายเดือน จนนักบินจาก USNC นามว่า Echo-216 เป็นผู้ที่ดึง Master Chief กลับมา ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีและล้างอายสิ่งที่ Banished ทำไว้กับเขาอย่างเจ็บแสบให้ได้

ถ้าคุณไม่ได้ติดตามเนื้อเรื่องของเกมซีรีส์ Halo ในภาคเก่า ๆ มาก่อน เชื่อว่าต้องเกิดอาการ “งงตึ๊บ” กันทุกคนแน่นอน เพราะตัวเกมแทบจะไม่มีการเล่าถึงเนื้อหาในภาคเก่าเลย อาจจะมีเป็นการ Recap ให้พอเข้าใจบ้าง แต่ก็อาจจะจับต้นชนปลายกันยากหน่อย ดังนั้นถ้าจะเล่นเกมนี้ให้ได้อรรถรสเต็มที่ ก็ควรจะหาอ่านเนื้อเรื่องภาคเก่ามาก่อนให้พอเข้าใจภาพรวมบ้างจะดีที่สุด

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ติดตามซีรีส์นี้มาโดยตลอด หรือเข้าใจเนื้อหาในภาคเก่ามาหมดแล้ว นี่คือการสานต่อเรื่องราวที่ผ่านมาและนำพาไปสู่เนื้อหาใหม่ที่จะมีขึ้นในอนาคตได้อย่างยอดเยี่ยมมากทีเดียว แต่ด้วยรูปแบบการเล่นที่ต่างจากของเก่านิดหน่อยจนทำให้คนเล่นต้องคอยปะติดปะต่อเรื่องราวเพิ่มเติมกันเอง แต่ในภาพรวมเนื้อเรื่องก็ถือว่าดีมากในระดับภาพยนตร์ Blockbuster กันเลยทีเดียว

Presentation

จากเดิมที่ Halo เป็นเกมเดินหน้ายิงแบบเส้นตรงผ่านด่านทีละฉาก กลายมาเป็นเกมแบบกึ่ง Open World ที่ไม่เคยมีในซีรีส์นี้มาก่อน เพราะในภาคนี้ผู้เล่นจะได้ผจญภัยอยู่ในดินแดน Zeta Halo ที่เป็นต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว และเลือกได้ว่าจะไปทำภารกิจที่ไหนก่อนก็ได้ตามที่ผู้เล่นเลือก จะขัยรถเข้าไปลุยด้านใน หรือเดินเท้าเข้าไปหล่อ ๆ ก็ได้เหมือนกัน เป็นการเสริมให้การเล่นมีความหลากหลายมากกว่าเก่าหลายเท่านัก

แต่ก็ใช่ว่าการต่อสู้จะอยู่ในที่กว้างเหมือนที่คาดไว้ เพราะผู้เล่นจะได้เข้าไปนัวกันในอาคารกับเหล่าศัตรูเสียเป็นส่วนมาก แต่การยิงกันในที่กว้างก็ไม่ได้แห้งแล้งมากนักเพราะมีของเล่นใหม่ให้ใช้งานอย่าง Grappleshot และ Hook เอาไว้เสริมการเล่นแบบใหม่ให้ตื่นตากว่าเดิม และทำให้การเข้าถึงพื้นที่ใหม่ ๆ ท้าทายยิ่งกว่าเดิม แถมยังใช้หยิบอาวุธมาใช้งานในระยะที่คว้าไม่ถึงได้ และยังคว้าตัวศัตรูมาอัดในระยะใกล้ ๆ ได้อีก เรียกว่าสนุกกว่าเก่าเยอะ

แน่นอนว่าเนื้อหาในโหมดเนื้อเรื่องนั้นแน่นปึ้กอยู่แล้ว โหมดการเล่นในโหมด Multiplayer เองก็มีเยอะไม่แพ้กัน และไม่ได้มีแค่โหมด Team Deathmatch ไล่ยิงกันแค่อย่างเดียว เพราะมีทั้งโหมด Capture The Flag ไล่ยึดธงมาเป็นของฝ่ายเรา Arena แบ่งทีม 4 คนไล่ยิงกันเก็บแต้ม Odd Ball ที่แต่ละฝ่ายต้องแย่งกันถือบอลให้นานที่สุด แล้วคนที่ถือบอลก็สามารถต่อฝ่ายตรงข้ามให้ตายได้ในครั้งเดียว เรียกว่าเป็นโหมดที่ลุ้นและสนุกไม่แพ้โหมดอื่นเลย

นอกจากเนื้อเรื่องที่อัดแน่นน่าติดตามแล้ว โหมดการเล่นแบบ Multiplayer เองก็มีระบบ Progression เก็บของแบบพิเศษผ่าน Battle Pass และร้านค้าในเกมที่น่าซื้อหามาประดับบารมี ซึ่งของที่ปลดล็อกได้นั้นจะเป็นแค่ของแต่งตัวเพียงอย่างเดียว ไม่มีผลต่อการเล่น ใครที่อยากหล่อเท่ก็ยอมจ่ายเพิ่มกันไปได้ตามสะดวก

โดยรวมแล้วทั้งโหมดเนื้อเรื่องและ Multiplayer นั้นสนุกและน่าประทับใจสมกับเงินที่จ่ายไป แถมโหมด Multiplayer ก็มี Progression ให้ผู้เล่นได้เก็บของกันมากมาย และ Battle Pass กับภารกิจประจำวันให้ได้ลุยกันต่อเนื่อง เรียกว่าทำได้ดีสมกับที่รอคอยกันเลย

Gameplay

สิ่งที่ Halo แตกต่างจากเกมแนว FPS ในปัจจุบันและอาจทำให้ผู้เล่นหลายคนงงไปพักหนึ่งก็คือเรื่องของ Time To Kill หรือ TTK ที่นานกว่าเกมอื่น ๆ หลายเท่า ซึ่งโดยทั่วไปปืนพื้นฐานอย่าง Assault Rifle ในเกมอื่นนั้นจะยิงกันสี่ห้านัดตาย แต่เกมนี้จะต้องยิงโดนแบบเกือบเต็ม ๆ แม็กกาซีนถึงจะล้มได้ แต่กลับกันถ้าหากยิงศัตรูจนเกราะแตกแล้วเข้าไปฟาดหน้าด้วยท่า Melee ระยะประชิดก็จะทีเดียวตายเลย เรียกว่าถ้าเข้าถึงตัวแล้วทุบได้ทันก็ชนะเลย

ส่วนอาวุธนั้นจะไม่มีการสร้าง Loadout เหมือนเกมอื่น แต่จะเป็นการเก็บอาวุธตามฉากแทน ใครโชคดีได้ปืนเทพ ของโหดก็จะได้เปรียบมาก ดังนั้นการวางแผนเก็บปืนสุดโหดจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก หรือในโหมดอื่นที่มี Objective อย่างการถือของและยึดธงก็ต้องใช้การร่วมมือกันมากกว่าปกติ แม้จะยิ่งได้เก่ง แต่ถ้าไม่ทำภารกิจก็แพ้ได้เหมือนกัน

และในโหมดการเล่นตามเนื้อเรื่องนั้นก็อย่างที่ได้บอกไป Master Chief จะมี Grapplershot ที่ช่วยในการขึ้นที่สูงและคว้าอาวุธมาใช้งาน พวกศัตรูในเนื้อเรื่องเองก็มีหลากหลายแบบ และการปะทะกับบอสแต่ละตัวก็ใช้สมองกับการสังเกตหาจุดอ่อนในการปราบที่ต้องใช้ฝีมือไม่น้อย อาจจะไม่ได้ยากขนาด DOOM Eternal หรือ Dark Souls แต่ก็ท้าทายไม่น้อย

แม้ Gameplay จะแตกต่างจากเกมแนวเดียวกันด้วยเวลา TTK ที่นานกว่า และดูจะมีความเป็น Old School มากกว่า แต่ความอนุรักษ์นิยมนี้ก็ช่วยให้ Halo มีความแตกต่างจากเกมอื่นจนโดดเด่นขึ้นมา

Performance

เรื่องที่ต้องชมอย่างมากก็คือเรื่องของ Performance ในเกมที่วิ่งได้นิ่ง ๆ 60 FPS แบบไม่มีตก และยังกินสเปกเครื่อง PC ไม่หนักมาก และตัวเกมยังปรับความละเอียดและความสวยของภาพตามประสิทธิภาพของเครื่องได้เหมาะสมอีกด้วย แม้จะมี Bug ในบางจุดอยู่บ้าง แต่ก็สามารถรันได้ลื่นอย่างไม่มีปัญหา

Conclusion

Halo Infinite ถือเป็นการกลับมาอย่างน่าสนใจสำหรับแฟนเกม FPS ทั้งคนที่ติดตามมานาน และคนที่ชื่นชอบเกมยิงเป็นทุนเดิม แต่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ระบบการเล่นที่เปิดกว้างแบบพอดี ๆ อาจจะติดตรงที่ช่วง TTK ของเกมที่นานกว่าปกติ แต่ถ้าชินแล้วก็ถือว่าเป็นรสชาติหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย จัดเป็นเกมเดินหน้ายิงที่มีเนื้อเรื่องยอดเยี่ยมประจำปี 2021 อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว

คะแนน 9/10

เนื้อเรื่องอาจจะงงสำหรับคนที่เพิ่งมาเล่นในภาคนี้ แต่ก็จับใจความด้วยตัวเองได้ไม่ยาก และระบบการเล่นแบบคลาสสิกที่น่าสนใจ ถ้ามีโอกาสควรหามาลองสักครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook