รีวิวเกม Nintendo Switch Sports ภาคอัปเกรดของเกมออกกำลังกายในตำนาน

รีวิวเกม Nintendo Switch Sports ภาคอัปเกรดของเกมออกกำลังกายในตำนาน

รีวิวเกม Nintendo Switch Sports ภาคอัปเกรดของเกมออกกำลังกายในตำนาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อสิบกว่าปีก่อนเชื่อว่าคอเกมทั้งโลกคงจะตื่นเต้นและฮือฮากับการเปิดตัว Wii Sports ที่วางขายพร้อมกับเครื่องเกม Wii ของ Nintendo ในปี 2006 ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่รูปแบบการเล่นใหม่ที่ใช้การเคลื่อนไหวของผู้เล่น แทนการกดปุ่มด้วยจอย Wii Mote ทำให้มันโด่งดังอย่างมากแม้แต่ในงานออสการ์ก็ยังเอาไปเล่นโชว์

และด้วยความโด่งดังนี้เองทำให้ค่ายเกมอื่นยังเอาไปเลียนแบบ และสร้างกระแสเกมแนวออกกำลังกายให้โด่งดังอีกครั้ง โดยปู่นินนำมาสานต่อในปี 2009 กับ Wii Sports Resort ที่วางขายพร้อมอุปกรณ์เสริม Wii Motion Plus ที่ช่วยเพิ่มความสมจริงในการเล่นมากขึ้น และต่อด้วยภาค Wii Sports Club บน WiiU ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักเพราะไม่มีอะไรใหม่ แต่หากพูดถึงเกมออกกำลังกายแล้วก็ต้องคิดถึงซีรีส์ Wii Sports ของปู่นินก่อน

อย่างไรก็ตามกระแสของเกมที่ใช้ระบบจับการเคลื่อนไหวก็ค่อย ๆ เงียบหายไปแม้ว่าปู่นินจะนำระบบนี้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งในคอนโซลลูกผสมอย่าง Nintendo Switch แล้วก็ตามแต่เกมเปิดตัวกลับไม่ได้เป็นภาคต่อของ Wii Sports แต่หลังจากผ่านไป 5 ปีหลังจากเปิดตัว Switch ปู่นินก็ได้สร้างความประหลาดใจให้แฟนเกมด้วยการเปิดตัว Nintendo Switch Sports ที่ถือเป็นภาคใหม่ของเกมออกกำลังกายในตำนานบน Switch ตามชื่อเกม

กราฟิกดูดีเกินหน้าเกินตา

สิ่งแรกที่น่าประทับใจมากคือภาพในเกมที่ไม่ได้คาดหวังอะไรเพราะต้นฉบับก็ไม่ได้เน้นที่จุดนี้ และแนวทางของเกมก็ไม่ได้เน้นภาพงาม ๆ อยู่แล้วแต่ใน Nintendo Switch Sports ปู่นินได้นำเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ FidelityFX Super Resolution มาใช้งาน ทำให้ภาพมีความคมชัดขึ้นเกินกว่าความเป็นจริง แม้ว่าภาพยังออกแบบเป็นการ์ตูนที่ดูน่ารักแต่ก็ดูสวยงามไม่ได้ดูเชยรายละเอียดของฉากทำได้ดีกว่า Wii Sports มาก

ส่วนจุดเด่นเดิมอย่างตัวละคร Mii ที่ภาคนี้ไม่มี แต่ก็มีระบบการสร้างตัวละครได้เองที่ปรับแต่งได้ทั้ง เพศ , รูปร่างหน้าตา , ทรงผม , สีผิว แต่ไม่ได้ละเอียดมากนักตามแนวทางของเกมที่เน้นความสนุกมากกว่า ส่วนตัวละครของเราก็ดูสมจริงมากขึ้นไม่ได้เป็นตัว LEGO เหมือนกับ Wii Sports ส่วนเพลงประกอบแม้จะไม่ได้ติดหูนักและเสียงพากย์ของเกมก็เปลี่ยนไป แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้ดูแย่อะไรแต่ส่วนตัวชอบเสียงประกอบภาคก่อนมากกว่า

รูปแบบการเล่นเน้นออกแรงเหมือนเดิม

เกมเพลย์ของ Nintendo Switch Sports ก็เหมือนกับต้นฉบับที่จะจำลองการเล่นกีฬาด้วยระบบจับการเคลื่อนไหวของคอนโทรลเลอร์ ที่จะเปลี่ยนจาก Wii Mote เป็น Joy-con ถือว่าทำได้ดีเหมือนเดิม แต่ไม่ได้โดดเด่นหรือสมจริงกว่าเดิม ผู้เล่นต้องจับจอยแล้วทำท่าทางตามที่เกมกำหนด ส่วนในภาคนี้จะมีการใส่กีฬามาให้ 6 ชนิดได้แก่ โบว์ลิ่ง เทนนิส และ ฟุตบอล วอลเลย์บอล แบดมินตัน ฟันดาบ ส่วน กอล์ฟ จะเพิ่มมาภายหลัง

โดยในส่วนของเกมเทนนิสก็เล่นได้ง่ายดายมากเพียงแค่ตวัดมือ แต่ก็ยังมีการใส่รายละเอียดเช่นทิศทางในการตีลูก ซึ่งใครเคยเล่น Wii Sports มันก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ต่อด้วยโบว์ลิ่งที่เรียบง่ายแค่ทำท่าเหมือนโยนลูก และยังใช้ปุ่มกดเพื่อกำหนดทิศทาง และยังทำมือตวัดเพื่อโยนลูกแบบสปินได้ด้วย และยังมาพร้อมโหมดแข่งโบว์ลิ่งแบบปรกติและแบบหลุดโลกที่สนามแข่งมีอุปสรรคแปลก ๆ เช่นพื้นเลื่อนหรือมีฉากกั้นทำให้เล่นได้ยากกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความท้าทายมาให้เล่นด้วย

ส่วนฟันดาบที่ไม่ใช่ของใหม่เพราะมีตั้งแต่ Wii Sports Resort ก็ทำได้เหมือนกับต้นฉบับ เพราะเราต้องจับจอยแทนดาบ และกำหนดทิศทางการฟันได้รวมทั้งยังใช้ตั้งการ์ดเพื่อป้องกันการโจมตีที่ต้องหาจังหวะสวนกลับด้วย และยังมีดาบคู่ให้เลือกเล่นด้วย แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะมีความรุนแรงเพราะมันไม่ใช่ดาบจริง และเป้าหมายคือทำให้คู่แข่งตกน้ำเท่านั้น

กีฬาใหม่ที่เพิ่มความหลากหลาย

ส่วนของใหม่อย่าง “วอลเลย์บอล” ถือว่าสนุกพอใช้แต่จะดูวุ่นวายหน่อย เพราะเราต้องทำท่าทางหลากหลายทั้งเสิร์ฟลูก , เซตลูก , กระโดดตบ และกระโดดบล็อกที่เราต้องทำท่าทางตามที่เกมกำหนด และมันเรียกเหงื่อได้พอสมควรหากเราเล่นจริงจัง ต่อด้วย “แบดมินตัน” ที่สนุกเกินคาดเพราะมันใช้ความเร็วกว่าเทนนิสพอสมควร และมีการตบลูกที่มีความเร็วสูง และมีการชิงจังหวะในการเล่นนอกจากนี้ยังมีการตีแบบหยอดลูกที่ต้องกดปุ่มร่วมกันด้วย ส่วนตัวแล้วถือว่าสนุกยิ่งเล่นกับเพื่อนยิ่งมันส์

ปิดท้ายกับกีฬาขวัญใจชาวไทยและทั้งโลกอย่าง “ฟุตบอล” ที่ถือว่ามีแฟน ๆ คาดหวังไว้มากเพราะในตัวอย่างมีการใช้ขาเล่นด้วย และจะมีให้เลือกเล่น 2 รูปแบบคือแบบฟุตบอลปรกติและเล่นได้ 4 คนพร้อมกันในโหมดออฟไลน์ ที่ต้องเลี้ยงลูกยิงเข้าประตูและต้องใช้ร่วมกับปุ่มกดเพื่อบังคับให้ตัวละครเดินและวิ่งได้แต่จะมีค่าพลังความอึดทำให้วิ่งต่อเนื่องไม่ได้นาน โดยในโหมดนี้จะไม่ได้ใช้ขาในการเตะบอลแต่ใช้มือจับจอยเกมแล้วขยับไปมา

ส่วนอีกโหมดที่แฟนฟุตบอลน่าจะชอบคือการโหมดเตะลูกเข้าประตูจากลูกเตะมุม เพราะมีการใช้ขาในการเล่นแต่จะไม่ได้บังคับตัวละครเดิน ทำได้แค่เพียงเตะลูกเข้าประตูเท่านั้น ซึ่งสามารถกำหนดทิศทางของลูกบอลได้ด้วย โดยจะเป็นการแข่งกันทำประตูที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร และการเล่นต้องใช้ร่วมกับสายรัดขาที่จะแถมมาให้กล่องเกม

ส่วนของที่ต้องมีในเกมยุคนี้คือการใส่โหมดออนไลน์ที่เล่นได้ยาว ๆ กับเพื่อนได้พร้อมกันทั่วโลก และถือว่าทำได้ดีพอตัว เพราะมีความลื่นไหลในระดับน่าพอใจแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอินเทอร์เน็ตของคุณด้วย และยังเสริมการแข่งขันแบบทัวร์นาเมนต์ออนไลน์ และในกีฬาฟุตบอลจะเล่นออนไลน์กับเพื่อนพร้อมกันได้มากถึง 8 คนด้วย นอกจากนี้ยังสามารถสะสมคะแนนที่ได้มาเพื่อปลดล็อกสิ่งใหม่ ๆ ในโหมดหลักเช่นเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย แม้จะไม่ได้แปลกใหม่แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีมาให้เล่นกัน

โดยรวมหากคุณเคยเล่น Wii Sports มาก่อน Nintendo Switch Sports ก็ยังคงสนุกไม่แตกต่างกัน และยังเสริมด้วยกีฬาชนิดใหม่ รวมทั้งมีการใช้ขาในการเล่นด้วย แถมยังมีโหมดออนไลน์ที่ทำให้เราอยู่กับเกมได้ยาวนาน และเข้ากับยุคโควิดที่การรวมตัวกันเล่นเกมในห้องเดียวอาจจะไม่ปลอดภัย ใครอยากออกกำลังกายมันเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ แต่บอกตรง ๆ ว่าหากจะลดน้ำหนักจริงจังแล้วก็ควรจะไปเล่น Ring Fit น่าจะดีกว่าเพราะมีโปรแกรมการออกกำลังกายที่แน่นอน แต่ Nintendo Switch Sports เราต้องกำหนดการเล่นเองซึ่งจะได้ผลน้อยกว่า แต่หากจะเล่นเพื่อความสนุกถือว่าพอ ๆ กับ Wii Sports

 

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ รีวิวเกม Nintendo Switch Sports ภาคอัปเกรดของเกมออกกำลังกายในตำนาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook