มีรายงานว่า Assassin’s Creed ภาคใหม่ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ช่วงนี้ Ubisoft กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก จนมีข่าวว่าต้องยกเลิกการพัฒนาเกมในค่ายอย่าง Ghost Recon และ Splinter Cell รวมไปถึงชะลอการพัฒนาเกมใหม่ออกไป ซึ่ง 1 ในเกมที่ต้องชะลอการพัฒนานั้นก็มี Assassin’s Creed รวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งในรายงานข่าวล่าสุดนี้ก็ยังมีการเปิดเผยเนื้อหาของเกมภาคใหม่ที่ได้รับการพัฒนาออกมาด้วยเช่นกัน
โดยรายงานข่าวนี้มาจากสำนักข่าว Bloomberg และ Kotaku ได้รายงานออกมาตรงกันว่าเกม Assassin’s Creed ภาคใหม่นั้นจะถูกชะลอการเปิดตัวออกไปร่วมกับเกมอย่าง Avatar: Frontiers of Pandora ที่กำลังอยู่ในการพัฒนา โดยทางค่ายได้ตั้งชื่อโครงการพัฒนาเกมภาคใหม่นี้ว่า Project Riff ที่มีการวางกำหนดการเบื้องต้นเอาไว้แล้วว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023
แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทจึงทำให้การพัฒนาเกมเป็นไปอย่างล่าช้า จนไม่สามารถเข็นโครงการนี้ออกมาได้ตามที่กำหนดเอาไว้ แถมยังไปกระทบกับกำหนดการของเกมอื่นๆ ที่ทางบริษัทได้วางไทม์ไลน์เอาไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วย จึงทำให้ทั้ง 2 เกมนั้นต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดและต้องการที่จะเข็นเกมที่กำลังจะใกล้เสร็จแล้วออกมาวางจำหน่ายก่อน เพื่อให้สถานะภาพทางการเงินของบริษัทนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยเสียก่อน
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกด้วยว่า Assassin’s Creed ภาคใหม่นี้จะใช้ธีมของวัฒนธรรมในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งก็มีหลากหลายข้อมูลที่ออกมาให้ข่าวแตกต่างกัน บ้างก็ว่าทางค่ายจะหยิบเอาธีมของอาณาจักร Aztec ในอเมริกาใต้มาใช้กันบ้าง แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันออกมาแต่อย่างใด ซึ่งถ้าเกิดทางค่ายจะเล่นกับประวัติศาสตร์ของภูมิภาคตะวันออกกลางจริงๆ เราก็อาจจะได้เห็นกลุ่มภารดรนักฆ่าในอาณาจักรเปอร์เซียหรืออาจจะเป็นชาวเติร์กที่ต่อมาก็จะกลายเป็นจักรวรรดิออคโตมันก็เป็นได้
สำหรับข่าวนี้คงจะต้องใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อกันพอสมควรเลยนะครับว่าข่าวไหนเป็นเรื่องจริง แต่ที่แน่ๆ ก็คือการเงินของบริษัทมีปัญหาและส่งผลต่อการพัฒนาอย่างแน่นอน สำหรับแฟนๆ ของ Assassins’ Creed ก็คงต้องเอาใจช่วยกันและหวังว่าเกมภาคใหม่จะถูกพัฒนาออกมาอย่างราบรื่นกันต่อไป
