รีวิว Cyberpunk Edgerunner อนิเมะที่ทำให้ตัวเกมกลับมาขายดีอีกครั้ง

รีวิว Cyberpunk Edgerunner อนิเมะที่ทำให้ตัวเกมกลับมาขายดีอีกครั้ง

รีวิว Cyberpunk Edgerunner อนิเมะที่ทำให้ตัวเกมกลับมาขายดีอีกครั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อีกหนึ่งโปรเจกต์จากแฟรนไชส์ Cyberpunk โดย CDPR และ Studio Trigger ผู้มีผลงานสร้างอนิเมะอย่าง Darling in the Fraxx, Kill la Kill และ Little Witch Acadamia ในอนิเมะ Cyberpunk: Edgerunner จะเป็นการเรื่องราวการใช้ชีวิตเอาตัวรอดของ David Martinez เด็กวัยรุ่นในเมือง Night City แบบไม่มีการเชื่อมโยงใด ๆ กับเหตุการณ์หลักที่เกิดขึ้นในเกม ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับใครที่ต้องการความสดใหม่หลังจากที่จบ Cyberpunk 2077 ไปแล้วครับ

Cyberpunk: Edgerunner จะมีทั้งหมด 10 ตอน ฉายผ่าน Netflix และสามารถรับชมได้ตั้งแต่ตอนนี้ ทางเราเองก็ไม่พลาดที่จะดูเช่นกัน หลังจากอนิเมะได้เสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ จนส่งผลทำให้ตัวเกมสามารถกลับมาทำยอดขายได้มากกว่าเดิม 4 เท่า

ซึ่งแน่นอนเหตุนี้ก็ต้องทำเราสงสัยว่า ตัวอนิเมะทำออกมาได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ทั้งที่ตัวเกมเปิดตัวได้เละไม่เป็นท่า เพราะบั๊กต่าง ๆ พร้อมกับฟีเจอร์ที่ประธาน CDPR ขี้โม้เอาไว้เยอะก่อนวางจำหน่าย สำหรับใครที่สงสัยว่าตัวอนิเมะทำออกมาได้เป็นอย่างไร ทางเราก็ได้สรุป (แน่นอนว่าไม่มีสปอย) ไว้ด้านล่างให้อ่านตามนี้เลยครับ

Story

เริ่มจากตัวละครเอกของเรา David Martinez เด็กนักเรียนกับครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องเอาตัวรอดและเรียนให้จบในเมืองเส็งเคร็งสุดระยำ Night City แต่ชีวิตเขาต้องเปลี่ยนไปหลังจากทุกอย่างในชีวิตเขาถูกพลิกด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

คงสงสัยล่ะสิว่าทำไมผมถึงเอารูปตัวละครจากอนิเมะเรื่อง Black Lagoon มาแปะ ไม่ผิดหรอกครับเพราะในช่วงปูเรื่องของ Edgerunner ไม่แน่ใจว่าเป็นผมคนเดียวหรือเปล่านะ แต่จากที่ดูมีเค้าโครงที่คล้ายกับอนิเมะอีกหนึ่งเรื่องจาก Studio Trigger อย่าง Black Lagoon พอสมควร แบบว่า…

  • ทั้ง 2 เรื่อง เริ่มต้นด้วยพระเอกที่เปลี่ยนจากมีชีวิตที่ปกติเข้าสู่อาชญากรรม
  • ทั้ง 2 เรื่อง มีนางเอกที่ออกแนวชวนน่าสงสัย พาเข้าองค์กรอาชญากรรม
  • ทั้ง 2 เรื่อง มีตัวละครหัวหน้าเป็นคนผิวสีร่างบึก
  • และแน่นอน ทั้ง 2 เรื่อง มีที่ตั้งในเมืองที่ไร้กฎหมาย พร้อมกับเหล่าทหารรับจ้างที่ต้องไล่ฆ่ากันทุกวัน

มีความเป็นไปได้สูงว่าในช่วงเริ่มแรก หากใครที่เคยดู Black Lagoon มาก่อน อาจจะทำให้ไม่ค่อยให้รู้สึก ‘ว้าว’ กับการเดินเรื่องของ Edgerunner มากเท่ากับหน้าใหม่ในอนิเมะของ Studio Trigger นัก ถึงแม้ทั้ง 2 เรื่องจะมีผู้แต่งคนละคนก็ตาม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เนื้อเรื่องก็เขียนออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะเรื่องอรรถรสที่ผู้แต่งใส่เข้าไปจนครบ ทำให้ Edgerunner มีเนื้อเรื่องที่ปรุงแต่งออกมาได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ดูแล้วสนุกแบบบ้าระห่ำ, ตลกร้ายเรื่องเซ็กส์ด้วยจินตนาการระดับสยิวสุดขั้ว หรือ น่ากลัวจนทำเอาผู้ชมเป็นโรคซึมเศร้า ในเรื่องนี้จะเล่นกับเคมีในสมองของคุณครบทุกเม็ดแบบไม่ต้องนั่งสูด Copium เพื่อเติมเต็มเลย

ตัวละครในเรื่องก็มีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดา ผู้ชมสามารถรู้จักพวกเขาได้จากตัวซีรีส์โดยไม่ต้องเล่นเกมมาก่อน และสำหรับแฟนเกมในเรื่องก็จะมี Easter Egg อยู่หลายฉากให้ทุกคนได้คิดถึงตัวเกมกันอีกเช่นกัน

โดยรวมแล้ว เค้าโครงเรื่องเขียนออกมาได้ดีมาก ๆ ความน่าสนใจอยู่ในระดับเดียวกับตัวเกม Cyberpunk 2077 แต่พิเศษกว่าตรงที่ว่า Edgerunner สามารถปั่นอารมณ์ผู้ชมได้เหมือนกับรถไฟเหาะแห่งอารมณ์ และนอกจากนั้นแล้ว มีอีกหนึ่งส่วนที่ผมเพิ่มคะแนนให้ นั่นก็คือตัวอนิเมะไม่มี Cliffhanger ที่ชวนให้ผู้ชมหงุดหงิดเกินไปในตอนท้าย

Presentation

Edgerunner เป็นอนิเมะไม่กี่เรื่องใน Netflix ตอนนี้ที่รองรับ Dolby Vision ถ้าจอของคุณรองรับ HDR อย่างดี จะรู้สึกถึงความตระการตาของแสงสีที่ขับเสน่ห์ของเมืองที่โหดร้ายนี้ออกมาได้เลย แต่ Edgerunner ก็มีบางช่วงที่ดูเผา (ซึ่งผมเองก็รู้ดีว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของสตูดิโอนี้ แต่จะไม่ขอยกเว้นมันละกันนะ) แต่ในเรื่องการใช้โทนสีที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ Cyberpunk รวมไปถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เหมือนกับ Night City ในเกมมาก ทางทีมงานสามารถทำเอาผู้ที่เคยออกผจญภัยแดนราตรีนี้มาก่อนถึงกับอึ้งเลยก็ว่าได้ครับ เพราะมีอยู่หลายจุดมาก หากเอามาเทียบกับในเกมเรื่องความเหมือนนี่ ให้เอามาปากกามาวงจับผิดยังไงก็วงไม่ติดครับ

การออกแบบตัวละคร ในเรื่องการดีไซน์ไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะตามที่กล่าวไว้ในส่วน Story ถ้าใครเคยดู Black Lagoon มาก่อนจะไม่ค่อยว้าวเท่าไหร่ แต่ทางทีมงานก็เขียนความเป็นมาของพวกเขาออกมาให้ผู้ชมรักเหล่าตัวละครหลักได้ดีมาก ๆ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอชม

ถึงแม้ผู้ชมส่วนใหญ่จะเทเสียงบอกรักให้กับเหล่าตัวละครสาว ๆ อย่าง Lucy นางเอกของเรื่อง หรือ Rebbecca สาวน้อยปืนระห่ำก็ตาม แต่ทางนี้ขอเชียร์พระเอกของเรื่องมากกว่า เพราะชีวิตน่าสงสารสุด ๆ ไปเลย เจอแต่เรื่องเฮงเซ็งหมาไม่รับประทานได้ทั้งเรื่อง แต่ก็ยังดีว่าเจ้าตัวดูมี Personality เป็นของตัวเอง ไม่เหมือนพระเอกอนิเมะทั่วไปที่แต่ละเรื่องที่ออกแนว Nice Guy ดูว่างเปล่า และจบเรื่องด้วยพลังมิตรภาพขี้โม้อะไรแบบนั้นครับ

สุดท้าย ขอยกเรื่องงานพากย์ถือว่าเป็นเสน่ห์ของเรื่องอีกอย่างเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะพากย์ไทยคำหยาบนี่จัดเต็มสุด ๆ ในส่วนของพากย์ญี่ปุ่นก็ดีไม่แพ้กัน และด้วยเพลงประกอบฉากต่าง ๆ ที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษ หรือ เม็กซิกัน ในบางช่วงดูแล้วก็เหมือนกับได้รับอรรถรสการผสมวัฒนธรรมแบบใหม่ที่ดูแล้วแปลกดีแต่ก็ชอบ ก็นะ!! อนิเมะเรื่องนี้มีทีมโปรดักชันที่รวมชาวตะวันตกกับญี่ปุ่นเอาไว้นี่นะ

Verdict

โดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอนิเมะในซีซั่นนี้ที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ ถึงแม้คุณจะไม่ได้เป็นแฟนเกม หรือผิดหวังกับ Cyberpunk 2077 มาแล้วก็ตาม บอกได้เลยว่าตัวอนิเมะจะไม่เละเทะเหมือนกับเกมอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีเนื้อเรื่องที่ครบรสแล้ว ก็มีการนำเสนอองค์ประกอบต่าง ๆ จากเกมที่ทางทีมโปรดักชันศึกษามาเป็นอย่างดีอีกด้วย รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและตัวละครที่น่าจดจำอีก

สำหรับใครที่สนใจสามารถรับชมผ่านทาง Netflix ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ส่วนใครที่อยากจะลองเล่นตัวเกมในขณะนี้ก็ยังมีโปรโมชั่นลดราคาจากป้าย 50% บน Steam เหลือ 899.50 บาท ไปจนถึงวันที่ 26 กันยายนนี้

 

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ รีวิว Cyberpunk Edgerunner อนิเมะที่ทำให้ตัวเกมกลับมาขายดีอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook