รีวิวเกม Pokémon Scarlet and Pokémon Violet ตะลุยโลกกว้างได้อิสระที่สุดเท่าที่เคยมีมา
(Minor Spoiler, Hand-On Review, First Impression)
หลังสร้างความคุ้นเคยให้กับเพื่อนๆ แฟนเกมไปกับรูปแบบการเล่นใหม่จากผลงานสองภาคล่าสุดประกอบกันอย่าง Pokémon Legend: Arceus และ Pokémon Sword and Pokémon Shield ที่นำเสนอการผจญภัยในมุมมองของเกมที่ต่างออกไป การเดินทางที่กว้างขวางขึ้นในโลกที่มอบอิสระให้ผู้เล่นมากขึ้น ในภาคใหม่ล่าสุด Pokémon Scarlet and Pokémon Violet นี้ทีมงานดูจะอัปเกรดความอิสระ เจาะลึกลงไปถึง Lifestyle ในโลกโปเกมอนเพิ่มขึ้นให้เราได้สัมผัสแบบ 300% เลยทีเดียว!
Pokémon Scarlet และ Pokémon Violet นำเสนอเกมเพลย์สไตล์ Adventure RPG แนวโอเพ่นเวิลด์เป็นเกมแรกของซีรีส์นี้ พัฒนาโดย GAME FREAK ลงให้กับเครื่องเกม Nintendo Switch และจัดจำหน่ายโดย Nintendo เองร่วมกับ Pokémon Company เช่นเคย โดยเกมภาคนี้จะให้ผู้เล่นได้ไปผจญภัยที่ภูมิภาคใหม่ล่าสุด Paldea(พัลเดีย) ที่ซึ่งผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักเรียนในสถาบันการศึกษาของทวีป และได้รับภารกิจในการ "ออกล่าสมบัติ" ที่ซึ่งผู้เล่นจะได้ค้นหาสมบัติในแบบฉบับของตัวเองผ่านการเล่นที่เกมมอบให้ถึงสามเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าปะทะกับกลุ่มนักเรียนที่ก่อความวุ่นวายในโรงเรียน เดินทางค้นหาเครื่องเทศลับในภูมิภาคพัลเดีย หรือมุ่งสู่การเป็นโปเกมอนเทรนเนอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดผ่านการต่อสู้กับยิมลีดเดอร์ทั้งแปดและมุ่งหน้าสู่การขึ้นเป็นเทรนเนอร์ระดับแชมเปี้ยน (Champion Rank) ซึ่งทั้งสามเส้นทางสามารถเลือกเล่นเส้นทางไหนก็ได้ แถมยังไม่จำกัดลำดับการเล่นสไตล์โอเพ่นเวิลด์อีกด้วย
วิธีการเดินทางหลักในเกมนี้เราสามารถขับขี่ตัวของโปเกมอนในตำนานของภาค โคไรดอน หรือ มิไรดอน เพื่อใช้เดินทางไปทั่วทั้งทวีปพัลเดียได้ ซึ่งเจ้า โคไรดอน และ มิไรดอน นี้สามารถพัฒนาความสามารถในการเดินทางระหว่างที่เราเล่นไปได้ด้วย! เช่นตอนแรกจะยังวิ่งด้วยความเร็วสูงมากไม่ได้ แต่เมื่อเราสามารถเคลียร์ภารกิจหนึ่งในเกมได้ เจ้าโปเกมอนในตำนานที่เราขับขี่นี้ก็จะพัฒนาขึ้น เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นได้
โปเกมอนในภาคนี้มีความหลากหลายขึ้น มีทั้งโปเกมอนขนาดเล็กมากจนซ่อนตัวตามพงหญ้าได้สบายๆ ซึ่งถ้าเราไม่ตั้งใจจ้องมองจริงๆ ก็อาจจะมองไม่เห็นได้เลย ซึ่งก็ทำให้น่าสนใจว่าจะส่งผลกับการจับโปเกมอนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการมองหาโปเกมอน รวมถึงโปเกมอนสีพิเศษที่เรียกว่าตัว Shiny ด้วยว่าเราจะเห็นได้ทันทีจากการพบตามทางหรือต้องสู้ก่อน (น่าเสียดายที่ทีมงานยังไม่มีโอกาสได้เจอโปเกมอน Shiny เลย)
นอกจากเดินไปมาแล้ว โปเกมอนพวกนี้ยังมีปฏิสัมพันธ์กันเองได้ด้วยโดยเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งด้วยซ้ำ ประหนึ่งพวกมันกำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกของเกมนี้จริงๆ จนถึงจุดที่พวกโปเกมอนทะเลาะกันเองก็มีด้วย
การต่อสู้ในเกมนั้นมีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากคุณจะสู้กับโปเกมอนเทรนเนอร์คนอื่น รวมถึงโปเกมอนป่าตามปกติแล้ว ก็ยังมีเพิ่มรูปแบบการเล่นมากขึ้นไปอีก หนึ่งในนั้นคือการที่เราจะได้เข้าปะทะกับโปเกมอนจำนวนมากในรูปแบบ mini game เมื่อเราเข้าปะทะกับ Star Team โดยเราจะสามารถเลือกโปเกมอนได้สามตัว และเข้าปะทะแบบตะลุมบอน ส่งโปเกมอนของเราออกไปลุยกับโปเกมอนของ Star Team อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะจัดการพวกมันครบจำนวน ก่อนเข้าปะทะกับหนึ่งในบอสของ Star Team ในตอนท้ายสุด
นอกจากนั้นยังมีการเข้าปะทะกับ Titan Pokemon หรือโปเกมอนขนาดยักษ์ที่จะเก่งกว่าโปเกมอนปกติอย่างมากให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าต่อสู้กับบอสใหญ่ดันเจียนเลยทีเดียว โดยการต่อสู้กับโปเกมอนประเภทนี้ก็จะมีกิมมิคแปลกๆ ไม่ซ้ำกันด้วยเช่น โปเกมอนซุ่มโจมตี (Klawf) ที่เราต่อสู้ด้วยก็จะมีจังหวะที่มันจะหนีไปเมื่อใกล้จะแพ้ แต่ก็เป็นโปเกมอนที่โหดยังกับบอสไฟต์ที่มีหลายร่างก็ไม่ปาน
ในส่วนระบบการต่อสู้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่อีกอย่างนั่นคือ Terastallize ปรากฏการณ์พิเศษที่ทำได้โดยโปเกมอนในเขตพัลเดียเท่านั้น โดยโปเกมอนที่ Terastallize นั้นจะเปล่งประกายขึ้นพร้อมมีอัญมณีปรากฏขึ้นบนหัวของโปเกมอนตัวนั้นประหนึ่งมีมงกุฎสวมอยู่ ซึ่งจะมอบพลังให้กับโปเกมอนตัวนั้นอย่างมาก จุดที่น่าสนใจคือการ Terastallize นี้โปเกมอนทุกตัว "ไม่จำเป็น" ต้องมีการ Terastallize ที่ซ้ำธาตุกัน ยกตัวอย่างเช่น โปเกมอนธาตุนอร์มอล(Normal) อาจมี Tera Type เป็นธาตุน้ำแทนที่จะเป็นธาตุปกติได้ ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อโปเกมอนแบทเทิลในภาคนี้อย่างมาก
นอกจากนั้นตัวเกมยังมีระบบการเล่นร่วมกับเพื่อนที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยตัวเกมได้พัฒนาระบบการเล่นแบบมัลติเพลเยอร์ ให้เพื่อนของเราได้เข้ามาร่วมเดินทางไปทั่วดินแดนพัลเดียพร้อมๆ กันถึง 4 คน ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนโปเกมอน การประลองกันเอง รวมถึงระบบการต่อสู้กับโปเกมอนบอสแบบใหม่ Tera Raid Battle ที่ผู้เล่นและเพื่อนอีกสามคนต้องร่วมมือกันต่อสู้กับโปเกมอนที่เก่งกาจตามจุดต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งเอาจริงๆ ก็เป็น Raid Boss Fight ที่ค่อนข้างยากใช้ได้เลยทีเดียว
ในด้านของเนื้อเรื่องนั้นทีมผู้พัฒนามอบความเป็นอิสระให้กับผู้เล่นได้เลือกว่าจะดำเนินเนื้อเรื่องด้านใดก่อนจากสามเส้นทางหลัก ได้แก่การต่อสู้ในยิมเพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นเทรนเนอร์ระดับแชมเปี้ยน (Champion Rank) สำรวจดินแดนเพื่อตามหาวัตถุดิบลับ หรือจะเน้นต่อสู้กับ "Star Team" กลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นโดยเหล่านักเรียนที่ดื้อรั้นในโรงเรียน
แต่ละเนื้อเรื่องก็จะมีตัวละครหลักในเนื้อเรื่องนั้นๆ ที่เราจะพบเจอและเข้าปะทะด้วยไม่ซ้ำกันเช่น Arven(เปปเปอร์) ที่เราจะเจอได้ในเส้นทางการตามหาวัตถุดิบหายาก หรือ Nemona(เนโม) และเหล่ายิมลีดเดอร์ที่เราจะพบได้ในเส้นทางการต่อสู้ในยิมแบทเทิลเท่านั้น และอย่างที่บอกว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้นั้นตัวเกมมอบความอิสระให้ค่อนข้างมาก โดยผู้เล่นสามารถดำเนินเนื้อเรื่องเส้นทางไหนก่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำไปพร้อมกัน จะทำแค่การล่า Titan Pokemon อย่างเดียวจนจบเลย หรือจะทำทั้งสามเส้นทางไปพร้อมกันก็ได้
ซึ่งเราพอจะประมาณปริมาณเนื้อหาของตัวเกมได้จากจำนวนของตราสัญลักษณ์หรือ Badge ที่ในภาคก่อนหน้านี้จะมอบให้ผู้เล่นหลังต่อสู้ชนะในยิมเท่านั้น แต่ภาคนี้จะมอบให้ทันทีหลังจบภารกิจที่เราไปทำด้วยทำให้เรามีเป้าหมายในการเดินทางที่หลากหลายมากขึ้น
ฟังก์ชั่นเสริมเข้ามาในเกมภาคนี้มอบโอกาสให้เราได้ปฏิสัมพันธ์กับโปเกมอนของเรามากขึ้น มีการพาไปอาบน้ำเช็ดตัว ปิกนิกนั่งชิล ได้ทำอาหารเองด้วย! เป็นฟังก์ชั่นการทำอาหารที่ดูน่ารักแปลกใหม่ และละเอียดลออดีเหมือนกันสำหรับซีรีส์ ทำให้เกมภาคนี้มอบความรู้สึกให้เราได้เข้าไปใช้ชีวิตในเกมได้มากขึ้น นานขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาของทุกภาคไปเลย
นอกจากนั้นระบบการแต่งตัวหรือคัสตอมตัวละครของเราในเกมภาคนี้ก็มีออพชั่นให้เลือกผสมเข้าด้วยกันได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเราสามารถแต่งตัวละครของเราอย่างไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทรงผมแบบไหน การตกแต่งหน้าตา เครื่องแต่งกายแบบไหนก็ตาม
ว่าด้วยเรื่องของกราฟฟิคกันสักหน่อย ตัวเกมภาคนี้ยังคงระดับของกราฟฟิคที่พัฒนาขึ้นมาแล้วไว้อยู่ โดยยึดจากสมัยที่พัฒนาขึ้นมาจากตอนภาค Pokémon Sword and Pokémon Shield เป็นหลัก แต่ได้ปรับตัวของ UI ต่างๆ ในเกมให้มีขนาดที่กะทัดรัด และให้พื้นที่กับฉากต่อสู้หรือฉากเดินทางในเกมมากขึ้นแทน โมเดลและการเคลื่อนไหวของโปเกมอนมีความหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะเหล่าโปเกมอนที่ถูกค้นพบใหม่ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำเดิม และน่ารักไม่เปลี่ยนซึ่งถือว่าทีมงานรักษามาตรฐานตรงนี้ได้อย่างดี แถมบางตัวมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนถึงจุดที่อาจจะเซอร์ไพรซ์ผู้เล่นได้เลยว่า นี่มันโปเกมอนแน่เหรอเนี่ย!?
จุดที่น่าเสียดายซึ่งทางเรายอมรับได้ในบางจุด แต่ถ้าเพื่อนๆ ยอมรับปัญหานี้ไม่ได้ก็อาจจะเกลียดเกมนี้ไปเลย คือปัญหาด้าน Performance ของเกมที่แม้จะมีการตัดซอยย่อยแผนที่ให้แบ่งออกเป็นแผนที่ของเมืองแต่ละเมือง รวมถึงแผนที่ของโซนอื่นๆ ออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาด้านการโหลดหรือเฟรมเรทของโปเกมอนหรือตัวละครอื่นๆ ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีความไม่ลื่นไหลเพียงพอ โปเกมอนหลายๆ ตัวเคลื่อนไหวอย่างตะกุกตะกัก ชาวเมืองหลายๆ คนที่เรามองเห็นจากระยะไกลก็ขยับตัวเหมือนเป็นภาพสไลด์โชว์ แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำความน่าสนุกของเกมลดน้อยลงไปแต่อย่างใด
Review Score: 8/10
เป็นอีกครั้งที่ทีมงานพยายามนำเสนออะไรใหม่ๆ เข้ามาในซีรีส์เกมโปเกมอนที่มีทั้งข้อดี และข้อเสียปะปนกันไปเหมือนการลองผิดลองถูก และหยิบจับส่วนย่อยๆ ที่น่าสนใจของเกมภาคก่อนมาขยายความและให้ความสำคัญมากขึ้นในภาคนี้
น่าเสียดายที่จุดด้อยของเกมคือการที่พยายามเป็นทุกอย่าง แต่ไปไม่สุดสักทางเสียมากกว่า เช่นเมื่อมองอย่างผิวเผินแล้วยิมแบทเทิลในภาคนี้ดูไม่ดุดัน เลือดพล่านเหมือนเช่นสมัย Pokémon Sword and Pokémon Shield เป็นต้น แต่ส่วนสำคัญที่อัพเกรดขึ้นมาคือการพัฒนา Lifestyle ของผู้คนในเกมมากขึ้น ให้เรารู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตท่องเที่ยวไปในภูมิภาคพัลเดียนี้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเพิ่มออพชั่นให้เราได้เลือกมากขึ้นว่าเราต้องการทำอะไรก่อนหลัง ไม่บังคับให้เราติดอยู่กับเส้นทางการดำเนินเรื่องเดิมๆ อีกต่อไป ซึ่งก็น่าสนใจว่าเรื่องราวที่อัดแน่นมากขึ้นกว่าภาคที่แล้วมานี้จะจบลงอย่างไร? จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่? พวกเราผู้เล่นคงต้องหาคำตอบผ่านการออกเดินทาง “ล่าสมบัติ” ไปด้วยกันละครับ
<Copyright>
©2022 Pokémon. ©1995–2022 Nintendo / Creatures Inc. / GAME FREAK inc.
Pokémon is a registered trademark of Nintendo, Creatures, and GAME FREAK.
Nintendo Switch and the Nintendo Switch logo are trademarks of Nintendo.
*ภาพจากเกมอยู่ในระหว่างการพัฒนา
*ซอฟต์แวร์อยู่ระหว่างการพัฒนา ข้อมูลบางอย่างอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จริง