[รีวิว] God of War Ragnarok บทสรุปการเดินทางของเทพสงคราม

[รีวิว] God of War Ragnarok บทสรุปการเดินทางของเทพสงคราม

[รีวิว] God of War Ragnarok บทสรุปการเดินทางของเทพสงคราม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากซีรี่ส์เกมยอดนิยมที่อยู่คู่กับเครื่อง PlayStation มาตั้งแต่ปี 2005 ในที่สุดเรื่องราวการเดินทางต่อสู้กับเหล่าทวยเทพก็มาถึงบทสรุปแล้วใน God of War Ragnarok เครโทสที่ต้องเผชิญหน้ากับหายนะที่กำลังจะอุบัติขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะร่วมฝ่าฟันกับลูกชาย อเทรอัส ท่ามกลางการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ด้วยกันอย่างไร ในเกมที่ Santa Monica Studio ได้ทุ่มเทใส่รายละเอียดทั้งหมดลงไป จนออกมาเป็นเกมที่สามารถพูดได้ว่าสนุกมากที่สุดในขณะนี้

ผลจากการกระทำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ใน God of War ภาคก่อนหน้า ทำให้ดินแดนส่วนใหญ่ของอาณาจักรทั้งเก้าของนอร์ส ได้ถูกปกคลุมด้วยลมหนาวของ ฟิมบัลวินเทอร์ อันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมาของ แร็กนาร็อก มหาสงครามที่จะทำให้ทุกสรรพสิ่งสูญสิ้นตามคำพยากรณ์ สองพ่อลูก เครโทส และ อเทรอัส ที่ได้ตกเป็นเป้าเพ่งเล็งและถูกไล่ล่าของเหล่าทวยเทพในฐานะที่เป็นต้นเหตุของหายนะ ได้ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อหยุดยั้งโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่สุด ด้วยการต่อสู้กับมหาเทพผู้ปกครองโลกและตามหาจุดหมายปลายทางสุดท้ายในการเดินทางของตัวเอง

ตัวเกมในภาคนี้ยังคงใช้การเล่าเรื่องแบบ One Shot Camera ซึ่งจะเป็นการใช้กล้องตัวเดียว ถ่ายภาพการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่มีตัด แต่ยังเพิ่มด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครคนอื่น ๆ และยังมีมุมกล้องฉากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น ซึ่งการเล่าเรื่องด้วยมุมกล้องที่พัฒนาขึ้นนี้ ได้ช่วยเพิ่มความน่าติดตามของเนื้อเรื่องอันเข้มข้นได้เป็นอย่างดี ชนิดที่ผู้เล่นจะได้นั่งลุ้นไปตลอดทั้งเรื่องจนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง

เครโทสในภาคนี้ ได้แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกผ่านทางสีหน้ามากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้เล่นจะได้เห็นเขาทำสีหน้าทุกข์ใจอย่างชัดเจนเมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา และยังมีความกังวลในฐานะผู้เป็นพ่อต่อลูกชาย อเทรอัส ที่ได้เติบโตขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มในตอนนี้ได้มีความคล่องแคล่วว่องไว, มีทักษะความสามารถในการต่อสู้, แต่ก็ยังมีความมุทะลุหุนหันพลันแล่นด้วยความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ซึ่งความสัมพันธ์ที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไประหว่างการเดินทางของสองพ่อลูกคู่นี้ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะได้ติดตามไประหว่างการดำเนินเรื่องที่ได้รับการใส่ใจในการเล่าเรื่องออกมาเป็นอย่างดี

การเดินทางของสองพ่อลูกเป็นส่วนสำคัญในเกมภาคนี้เป็นอย่างมาก ผู้เล่นจะสามารถสัมผัสได้จากการกระทำและบทสนทนาที่ได้รับการถ่ายทอดออกมา เสมือนกับเป็นความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตจริง แต่ในขณะเดียวกัน การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่นี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคนเพียงสองคน ทำให้ตัวละครอื่น ๆ อาทิเช่น มิเมียร์, ซินดรี, บร็อก, และ เทียร์ อดีตเทพสงครามของดินแดนนอร์ส จะมาร่วมมีบทบาทสำคัญด้วยกัน พร้อมกับเป็นผู้ช่วยเหลือให้สองพ่อลูกได้เรียนรู้ความผิดพลาดและร่วมพัฒนาเติบโตไปด้วยกันอย่างน่าประทับใจ

ภายในการเดินทางไปยังอาณาจักรทั้งเก้า จะมีบางอาณาจักรที่ผู้เล่นสามารถพบเจอได้ในเกมภาคก่อนหน้ามาแล้ว ส่วนอาณาจักรใหม่ ๆ ที่จะได้เดินทางไปในภาคนี้ จะเป็นเหมือนกับแผนที่ที่มีขนาดใหญ่ในระดับหนึ่ง และมีสถานที่แยกย่อยให้ได้ค้นหาสำรวจอย่างซับซ้อน แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นฉากที่ใหญ่เกินไปจนเสียเวลาในการเดินทางมากนัก จากการออกแบบมาให้สามารถเดินทางกลับมาสำรวจใหม่อีกครั้งได้ทุกเมื่อ ทว่าในบางอาณาจักรนั้นจะเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ หรือเป็นดินแดนที่จะสามารถไปได้ตามเนื้อเรื่องเท่านั้น จึงน่าเสียดายเล็กน้อยที่สุดท้ายแล้วอาจจะไม่ได้กลับไปสำรวจได้ทุกที่ แต่ก็ถือว่าสถานที่ที่มีให้นั้นสามารถใช้เวลาค้นหาทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากพอแล้ว

นอกจากการเดินทางตามเนื้อเรื่องหลักแล้ว ตัวเกมยังมีตัวเลือกให้ผู้เล่นสามารถแวะสำรวจทำเควสต์เสริมตามทางก่อนได้ ซึ่งเป็นส่วนที่น่าชื่นชมว่านอกจากการแวะข้างทางจะทำให้ได้ทรัพยากรหรือความสามารถในการต่อสู้มากขึ้นแล้ว ในเควสต์เสริมของแต่ละอาณาจักรก็ยังมีเรื่องราวที่จะทำให้ผู้เล่นได้พบกับความเป็นมาที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์บางอย่างของตัวละคร และได้พบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมความสมบูรณ์ในโลกของดินแดนนอร์สได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เรียกได้ว่าการยอมเสียเวลาเถลไถลแวะข้างทางนั้นมีทั้งความคุ้มค่าสำหรับการเล่น และยังช่วยเพิ่มรายละเอียดที่ไม่สามารถเล่าได้ทั้งหมดในเนื้อเรื่องได้จนถึงหลังจบเกมเลย

เกมเพลย์ระบบการต่อสู้ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่พัฒนาขึ้นแบบรู้สึกได้ ผู้เล่นจะสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวและปีนป่ายได้อย่างรวดเร็ว ภายในพื้นที่ต่อสู้ที่กว้างขึ้นและมีต่างระดับที่จะช่วยเพิ่มรูปแบบการเล่นได้หลากหลาย เครโทสจะสามารถสับเปลี่ยนอาวุธขวาน Leviathan Axe และดาบ Blades of Chaos ระหว่างการโจมตีได้ทันที และกระโดดข้ามฝั่งฟาดโจมตีศัตรูจากที่สูงอย่างรุนแรง ใช้ทักษะสกิลของอาวุธและพลัง Ruins เป็นท่าโจมตีพิเศษเสริม ก่อนจะพุ่งไปปิดฉากสังหารศัตรูด้วยการฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ อย่างดิบเถื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหลระหว่างการต่อสู้ เมื่อเล่นจนชำนาญแล้วจะพบว่าระบบการเล่นของเกมภาคนี้มีความสนุกมากที่สุดในซีรี่ส์เลยก็ว่าได้

อเทรอัสในภาคนี้จะสามารถช่วยเหลือและต่อสู้ได้ด้วยตัวเอง จากความสามารถที่ได้รับการฝึกฝนมามากขึ้น และสำหรับผู้ที่ผิดหวังกับศัตรูที่มีอยู่น้อยในเกมภาคที่แล้ว ในเกมภาคนี้ได้กลับมามีศัตรูหลากหลายแบบสมกับเป็น God of War ที่เคยเป็นมาแล้ว อีกทั้งศัตรูในภาคนี้ยังมีความสามารถพิเศษที่จะมาต่อกรกับเครโทสได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการต่อสู้ที่มีความตื่นเต้นกดดันตลอดเวลา ซึ่งศัตรูบางส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่ของแต่ละอาณาจักร และในบางพื้นที่นั้นก็จะมีลูกเล่นของฉากมาให้ใช้ประกอบร่วมกับการเล่นแตกต่างกันไป ทำให้การต่อสู้จะยิ่งเพิ่มความดุเดือดมากขึ้นชนิดที่ผู้เล่นจะรู้สึกแปลกใจไม่มากก็น้อย เมื่อพบว่าจะสามารถต่อสู้แบบไหนได้บ้างในระหว่างที่เกมดำเนินไป

ระบบพัฒนาตัวละครในภาคนี้ ยังคงมีตัวเลือกที่หลากหลายแต่ก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก เครโทสและอเทรอัสจะมีชุดเกราะและอุปกรณ์สวมใส่ให้เลือกใช้มากมาย แต่จะมีการแบ่งแยกความสามารถของอุปกรณ์แต่ละอย่างเอาไว้ให้เลือกใช้ตามแนวทางการเล่นของผู้เล่นอย่างชัดเจน จึงไม่ต้องกังวลกับการ Build ค่าสถานะของอุปกรณ์สวมใส่มากเกินไป โดยเครโทสสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมของแต่ละอาวุธ, ติดตั้งพลัง Ruins และเครื่องรางที่จะช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้มากขึ้น รวมถึงเปลี่ยนท่าโจมตีพิเศษใหม่ ๆ จากการได้รับมาระหว่างการเดินทาง

หลังจากการต่อสู้ในแต่ละครั้ง จะทำให้เครโทสและอเทรอัสได้รับ XP สำหรับการเพิ่มทักษะการต่อสู้มา อเทรอัสจะสามารถเพิ่มความสามารถในรูปแบบการโจมตีสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือผู้เล่นได้มากขึ้น ในขณะที่เครโทสจะสามารถเพิ่มท่าโจมตีใหม่ ๆ ได้ตามระดับเลเวลของอาวุธ ซึ่งในบางท่าโจมตีใหม่ ๆ ก็จะมีเงื่อนไขจำนวนครั้งการใช้งานให้ทำ เมื่อใช้ท่าโจมตีที่มีเงื่อนไขครบตามกำหนดแล้วก็จะทำให้สามารถเลือกติดตั้งความสามารถพิเศษของท่าโจมตีนั้นได้เพิ่มเติมอีกทีหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงขอแนะนำว่าอย่าลังเลที่จะรีบเรียนรู้วิธีการต่อสู้ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความสนุกของการต่อสู้โดยเร็ว

ตัวเกมสามารถเลือกปรับแต่งการแสดงผลของภาพได้ใน Performance Mode สำหรับการเน้นเฟรมเรตในคุณภาพระดับ 1440-2160P 60fps บนเครื่อง PS5 และ 1080-1656P 30fps บนเครื่อง PS4 ส่วน Resolution Mode จะเป็นการเน้นคุณภาพของกราฟิกในระดับ 2160P (Native 4K) 30fps บนเครื่อง PS5 และ 1440P-1656P 30fps บนเครื่อง PS4 ซึ่งจากการทดสอบเล่นบนเครื่อง PlayStation 5 พบว่าตัวเกมสามารถแสดงภาพออกมาได้อย่างสวยงามทั้งสองโหมด โดยเฉพาะรายละเอียดของโมเดลตัวละคร ที่สามารถเห็นรายละเอียดของชุดและผิวหนังได้อย่างชัดเจน

กราฟิกที่สวยงามของเกม ยังช่วยให้การต่อสู้ทุกครั้งมีเอฟเฟ็กต์ของการโจมตีที่น่าตื่นตาตื่นใจในทุกกระบวนท่า และยังเพิ่มเติมด้วยรายละเอียดอย่างเลือดของศัตรูที่สาดกระเซ็นติดตัวละครหรือกำแพง ซึ่งช่วยเพิ่มอารมณ์ความสนุกสะใจได้เป็นอย่างดีมาก อีกทั้งยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมายภายในสถานที่ต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มสีสันภายในโลกของเกมให้ได้สังเกตเห็นกัน ส่วนการเล่นด้วยจอย DualSense จะสามารถส่งเสียงประกอบเล็ก ๆ ออกมาผ่านทางจอยคอนโทรลเลอร์ อย่างเช่นเสียงของเครื่องประดับหรือเสียงของการโจมตีที่จะทำให้รู้สึกถึงความมีมิติของเสียงมากขึ้น

Review Score 10/10

  • เนื้อเรื่องสนุกเข้มข้น ปิดตำนานการเดินทางของเครโทสได้อย่างสมบูรณ์
  • Gameplay ดุเดือดสะใจมากที่สุดในซีรี่ส์ สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ได้กับศัตรูที่มีหลากหลายแบบ
  • ระบบพัฒนาตัวละครที่เข้าใจง่าย มีตัวเลือกเข้ากับแนวทางของผู้เล่นอย่างชัดเจน
  • เควสต์เสริมที่มีเรื่องราวและช่วยเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ ให้กับโลกของเกม
  • การออกแบบฉากสถานที่ และลูกเล่นการไขปริศนาที่ทำออกมาได้ดี

  • ตัวเลือกการปรับแต่งช่วยเหลือผู้เล่น มีประโยชน์และใช้งานได้จริงมากกว่าที่คิด
  • หลังจบเกมแล้วยังมีสิ่งให้ทำและมีสิ่งใหม่ ๆ ให้ค้นหาอีกมากมาย
  • ยังไม่มี New Game+ และ Photo Mode ในขณะนี้
  • เนื้อหาบางอย่างไม่สามารถเล่าได้ครบทั้งหมดในเนื้อเรื่องหลัก จึงทำให้มีส่วนที่รู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ อยู่บ้างเล็กน้อย
  • หากจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด จำเป็นต้องเก็บรายละเอียดจากบทสนทนาและเควสต์เสริมทั้งหมดจนถึงหลังจบเกม

การให้คะแนนเต็ม 10 หรือเต็ม 100 เป็นเพียงข้อกำหนดของเกณฑ์การให้คะแนนในการรีวิว หากได้ลองสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะพบว่า God of War Ragnarok มีหลายสิ่งหลายอย่างกว่าตัวเลขของคะแนนรีวิวมาก ตัวอย่างหรือพรีวิวที่ถูกปล่อยออกมานั้นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของเกมมากเท่านั้นจริง ๆ มีรายละเอียดที่น่าตื่นเต้นอยู่มากมายมากที่ไม่สามารถพูดถึงออกมาได้ หากแต่ผู้เล่นจะสามารถค้นพบได้ด้วยตัวเองภายในการเดินทางที่จะค่อย ๆ พบกับสิ่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา และสามารถคาดหวังได้ว่าจะมีสิ่งใดรอคอยอยู่ต่อไปจนถึงปลายทางสุดท้าย ภายในเรื่องราวการเดินทางอันยาวนานที่มาถึงบทสรุปของชายผู้ที่มีชื่อว่า เครโทส

เครโทส เป็นตัวละครที่อยู่กับผู้เล่นมานานมาก ทำให้ทุกการเดินทางที่ผ่านมาทั้งหมดล้วนมีความหมายมากในภาคสุดท้ายนี้ God of War Ragnarok จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมที่ปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดที่ผ่านมา แต่ยังได้รับการ "ทำให้ดีขึ้น" สมกับที่เครโทสได้คอยบอกกับอเทรอัสและผู้เล่นอยู่เสมอ Santa Monica Studio ได้แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจรายละเอียดทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ในการปิดตำนานเรื่องราวการเดินทางอันยิ่งใหญ่นี้ ด้วยเนื้อเรื่องอันเข้มข้นที่ไม่สามารถคาดเดาได้ตั้งแต่เริ่ม ระบบการเล่นที่พัฒนาการต่อสู้ได้อย่างสนุกมีชั้นเชิง และการเติบโตของตัวละครที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกันกับผู้เล่นจนถึงตอนสุดท้าย

ด้วยเวลาประมาณ 30-40 ชั่วโมงในการจบเนื้อเรื่องหลัก และอาจใช้เวลาถึง 50-70 ชั่วโมง ในการเก็บรายละเอียดที่เหลือทั้งหมดให้ครบหลังจบเกม เป็นช่วงเวลาของความสนุกอันคุ้มค่ามากที่สามารถบอกออกมาได้อย่างเต็มปากว่านี่เป็น เกมที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook