ย้อนรอยเรื่องราว God of War เตรียมพร้อมสู่ปฐมบทแห่งสงคราม Ragnarok
เครโทสและอเทรอัส กำลังจะมาร่วมเดินทางด้วยกันอีกครั้งใน God of War Ragnarok ซึ่งจะเป็นบทสรุปสุดท้ายของการต่อสู้กับเหล่าทวยเทพ และนี่คือเนื้อหาย้อนรำลึกเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดใน God of War (2018) ที่จะเป็นบทนำไปสู่มหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ในเกมที่จะวางจำวางจำหน่ายบนเครื่อง PlayStation 4 และ PlayStation 5 วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้
เรื่องราวของ God of War ในดินแดนนอร์ส เริ่มต้นด้วยงานศพของ เฟย์ ผู้เป็นภรรยาของเครโทสและแม่ของอเทรอัส โดยความปราถนาสุดท้ายของเธอที่ต้องการฝากให้สองพ่อลูกนำขี้เถ้าของเธอไปโปรยบนยอดเขาที่สูงที่สุดในอาณาจักรทั้งเก้า จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เครโทสและอเทรอัสต้องร่วมเดินทางไปด้วยกัน พร้อมเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายและเหล่าเทพเจ้าที่ไม่เป็นมิตร
เครโทส ที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้พยายามละทิ้งอดีตของเขาในฐานะ Ghost of Sparta เอาไว้เบื้องหลัง ในขณะที่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเขากับอเทรอัสยังคงห่างเหินจากความมีวินัยและความเข้มงวด แต่เขาก็ต้องพยายามเรียนรู้ความเป็นพ่อด้วยการปกป้องอเทรอัสทุกวิถีทาง เพื่อที่จะให้เฟย์ผู้เป็นภรรยาได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสงบ ในขณะที่อเทรอัสซึ่งได้รับการสอนวิธีใช้ธนูมาจากแม่ ได้พยายามเป็นผู้ช่วยในการเดินทางเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่เด็กที่อ่อนแออีกต่อไป
หลังจากงานศพของเฟย์ เครโทสและอเทรอัสได้ถูกรุกรานจาก บาลเดอร์ หนึ่งในเทพแห่งดินแดนนอร์สผู้อ้างว่าได้รับคำสั่งจากมหาเทพ โอดิน ให้มาสำรวจและจัดการเครโทส ผู้มีอดีตในฐานะผู้สังหารเทพที่หลบลี้มาจากแดนไกล เครโทสได้เข้าปะทะกับบาลเดอร์อย่างดุเดือดจนแม้แต่ก้อนหินและผืนดินก็ยังแตกสลาย แต่เครโทสกลับพบว่าบาลเดอร์เป็นเทพที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหรือความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อหาวิธีหยุดยั้งการต่อสู้กับบาลเดอร์เอาไว้ชั่วคราวได้แล้ว เครโทสก็ได้ตระหนักว่าตัวตนของเขาไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เขาจึงต้องพาอเทรอัสออกเดินทางในทันทีไม่ว่าลูกชายจะพร้อมออกไปเผชิญโลกหรือไม่ก็ตาม
ระหว่างการเดินทางไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดของมิดการ์ด เครโทสและอเทรอัสได้พบกับ ซินดรี และ บร็อก คนแคระสองพี่น้องช่างตีเหล็กผู้มีฝีมือเลื่องชื่อ ซึ่งเคยสร้างอาวุธให้กับเหล่าเทพมาแล้วมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นขวาน Leviathan ที่เครโทสได้รับมาจากภรรยาผู้เป็นชาวยักษ์ สองพี่น้องช่างตีเหล็กที่ไม่ขอกลับไปรับใช้เทพอีกแล้ว จึงได้อาสาเป็นผู้ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ระหว่างการเดินทาง พร้อมคอยเป็นผู้รับความมือความสัมพันธ์อันตึงเครียดของสองพ่อลูก
นอกจากสองพี่น้องช่างตีเหล็ก พวกเครโทสยังได้พบและช่วยชีวิตหมูป่าของแม่มดแห่งผืนป่า ทำให้เธอได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือด้วยการสอนวิธีใช้พลังของ สะพานไบฟรอสต์ ซึ่งเป็นวิธีเดินทางไปยังอาณาจักรทั้งเก้า ก่อนที่จะได้รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของแม่มดคือ เฟรยา เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ผู้เป็นแม่ของบาลเดอร์ และเป็นอดีตภรรยาของมหาเทพโอดินที่ถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนเทพ
พวกเครโทสได้เดินทางมายังภูเขาที่อยู่บนจุดสูงสุดของมิดการ์ดตามคำแนะนำของเฟรยา พร้อมกับพบบาลเดอร์อยู่กับ แม็กนิ และ โมดิ สองผู้เป็นหนึ่งในบุตรของเทพเจ้าสายฟ้าธอร์ ซึ่งทั้งสามคนกำลังสอบปากคำ มิเมียร์ อดีตทูตและที่ปรึกษาของมหาเทพโอดิน ที่ตอนนี้ได้ถูกหลอมรวมร่างกายเข้ากับต้นไม้ในฐานะผู้ทรยศต่อบิดาแห่งสรรพสิ่ง
เมื่อได้พบกัน มิเมียร์ผู้มีความฉลาดหลักแหลมและมีฝีปากในการเจรจา ได้บอกกับพวกเครโทสว่าจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของพวกเขาคือ Jötunheim ยอดเขาที่สูงที่สุดของอาณาจักรทั้งเก้า ซึ่งถูกปิดเส้นทางการเข้าถึงเอาไว้ หากแต่เขาสามารถพาไปได้ถ้าเครโทสยอมช่วยเหลือโดยการตัดศีรษะของเขาออกจากต้นไม้ที่พันธนาการอยู่เพื่อที่จะได้เป็นอิสระ และให้เครโทสนำศีรษะของเขาไปหาเทพีเฟรยาเพื่อทำการชุบชีวิตให้
เครโทสได้นำหัวของมิเมียร์กลับมาให้เฟรยาช่วยทำการชุบชีวิตให้อีกครั้ง ในขณะที่เฟรยาได้ล่วงรู้ถึงความเป็นเทพของเครโทสที่ปิดบังเอาไว้ เธอจึงได้พยายามบอกให้เครโทสเล่าความจริงกับอเทรอัส เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงในการเป็นส่วนหนึ่งของเทพ และการปิดบังเอาไว้จะมีแต่ทำให้ลูกชายเจ็บปวด ทว่า เครโทสได้เพิกเฉยต่อคำแนะนำ และออกเดินทางต่อด้วยการให้มิเมียร์เป็นผู้แนะนำเส้นทางไปยัง Jötunheim
แม็กนิและโมดี บุตรของเทพเจ้าสายฟ้าทั้งสอง ได้เข้ามาโจมตีพวกเครโทสระหว่างการเดินทาง โดยหวังว่าการสังหารเครโทสนั้นจะทำให้เขาได้รับเกียรติยศกลับมาและพิสูจน์ว่าเขาคู่ควรกับการสืบทอดต่อมรดกของธอร์ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนเครโทสได้ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ทำให้อเทรอัสได้ปลดปล่อยพลัง Spartan Rage ออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้อาการของอเทรอัสหมดสติและอาการที่มีมาในวัยเด็กย่ำแย่ลง เครโทสจึงรีบปิดฉากการต่อสู้กับสองพี่น้องและรีบพาลูกชายไปให้เฟรยาใช้เวทมนตร์ช่วยรักษา
ด้วยพลังของเทพที่อยู่ภายในตัวอเทรอัสได้ปะทุขึ้นมา ทำให้เครโทสต้องเดินทางไปยังนรก Helheim และนำหัวใจของผู้ปกป้องสะพานกลับมารักษาอเทรอัส หากแต่ขวาน Leviathan ไม่สามารถใช้ในสถานที่อันมีความหนาวเหน็บเช่นเดียวกันได้ เครโทสจึงตัดสินใจกลับไปที่บ้านเพื่อนำอดีตที่เขาเคยละทิ้งเอาไว้เบื้องหลังกลับมาอีกครั้ง ด้วยคมมีดที่แสดงถึงความเป็นทาสต่อเทพเจ้ากรีก และใช้คร่าชีวิตสรรพสิ่งมาแล้วมากมาย แต่มีเพียงเปลวเพลิงของ Blades of Chaos เท่านั้นที่จะสามารถช่วยเหลือลูกชายของเขาได้ในยามนี้
เครโทสได้ฝ่าฟันนรกและได้หัวใจกลับมาช่วยรักษาอเทรอัสได้สำเร็จ ผลจากการที่ต้องทำเพื่อลูกชายนั้นทำให้เครโทสได้เล่าความจริงกับอเทรอัสว่าเขามีตัวตนในฐานะเทพด้วยเช่นกัน แต่นั่นกลับทำให้อเทรอัสหยิ่งผยองถึงสถานะของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม โมดีได้กลับมาตามล่าพวกเครโทสอีกครั้งด้วยบาดแผลสาหัสเต็มตัว เพราะถูกฑอร์ทำร้ายจากการที่เขาสูญเสียแม็กนิและไม่สามารถเอาชีวิตพวกเครโทสได้ แต่โมดีที่กำลังบาดเจ็บหนักก็ได้ถูกอเทรอัสสังหาร เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นเทพที่เขาจะตัดสินชีวิตใครก็ได้ ในขณะที่เครโทสได้มองเห็นความโหดเหี้ยมที่เคยมีอยู่ในตัวของลูกชายตรงหน้า เขาจึงรีบตักเตือนอเทรอัสอย่างรุนแรงถึงสิ่งที่ไม่ควรทำก่อนที่จะสายเกินไป
หลังจากที่รวบรวมอุปกรณ์สำหรับเปิดประตูสู่ Jötunheim ได้ครบทั้งหมด พวกของเครโทสได้เดินทางไปยังดินแดนของยักษ์ เผ่าพันธ์ที่เคยถูกเทพเจ้าสายฟ้าสังหารจนหมดสิ้น แต่พวกเขาก็ถูกบาลเดอร์โจมตีอีกครั้ง พร้อมกับถูกทำลายประตูที่จะนำไปสู่ Jötunheim เครโทสจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางของสะพานไบฟรอสต์ไปยังนรก Helheim และทำให้สองพ่อลูกพบกับภาพอดีตอันโหดร้ายของตัวเองและของบาลเดอร์
ที่มาของชีวิตอันคงกระพันที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวดของบาลเดอร์นั้น มาจากคาถาของเฟรยาที่ได้ร่ายมนตร์เพราะล่วงรู้ชะตาลิขิตว่าลูกชายของเธอจะต้องถูกสังหารในสักวันหนึ่ง แต่นั่นกลับทำให้บาลเดอร์ต้องมีชีวิตอยู่อย่างทนทุกข์ และทำให้เขารู้สึกเกลียดชังเฟรยาที่ไม่ยอมคลายคาถาต้องสาปนี้ออกไปจากตัวเขา บาลเดอร์จึงเข้าต่อสู้กับพวกเครโทสอีกครั้งเพื่อหวังสังหารเฟรยาลงไปพร้อมกัน
ถึงแม้ว่าเฟรยาจะถูกเรียกว่าเป็นแม่มดแห่งผืนป่า แต่คาถาของเธอก็ไม่สมบูรณ์และมีจุดอ่อนอยู่เพียงอย่างเดียว เมื่อลูกธนูจากต้น Mistletoe ของอเทรอัส สามารถสร้างความเสียหายให้กับบาลเดอร์ได้ ทำให้บาลเดอร์ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดและความรู้สึกต่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้สองพ่อลูกได้ร่วมมือกันต่อสู้กับบาลเดอร์ เพื่อปกป้องไม่ให้บาลเดอร์ทีกำลังเปี่ยมสุขกับความเจ็บปวดไปทำร้ายแม่ของเขาเอง
เครโทสกับอเทรอัสสามารถเอาชนะบาลเดอร์ลงได้ บาลเดอร์จึงได้ขอให้เครโทสจบชีวิตเขาในตอนที่ยังมีความรู้สึกอยู่ แต่เครโทสก็ได้ทำตามคำร้องขอของเฟรยาที่ได้ขอร้องให้ไว้ชีวิตลูกชายของเธอ ทว่า บาลเดอร์กลับยังคงหมายที่จะสังหารเฟรยาผู้เป็นแม่ด้วยความชิงชัง ในขณะที่เฟรยานั้นยอมตายเพื่อลูกชายด้วยความเต็มใจ เครโทสจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปลิดชีพของบาลเดอร์ลงต่อหน้าเฟรยา ทำให้เฟรยาได้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสาปแช่งว่าจะเธอจะล้างแค้นพวกเครโทสให้ได้
ด้วยความช่วยเหลือของมิเมียร์และการร่วมฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันของเครโทสและอเทรอัส สองพ่อลูกก็ได้เดินทางมาถึงยอดเขาของ Jötunheim ในที่สุด และในที่แห่งนี้เองที่พวกเขาได้พบกับภาพแกะสลักคำทำนายการเดินทางของพวกเขาที่เหล่ายักษ์ที่เขียนเอาไว้ ทำให้อะเทรอัสได้พบความจริงว่าแม่ของเขาก็เป็นหนึ่งในชาวยักษ์ และทำให้เขามีตัวตนเป็นทั้งยักษ์และเทพ ส่วนทางด้านเครโทสได้พบว่าคำทำนายของเหล่ายักษ์นั้นถูกต้องทุกอย่าง หากแต่ในปลายทางของเรื่องราวการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้น มีภาพของเขาที่นอนอยู่ภายใต้อ้อมแขนของอเทรอัสอยู่ ทำให้เครโทสเลือกที่จะปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้อเทรอัสรู้
เครโทสและอเทรอัส ได้โปรยขี้เถ้าของเฟย์บนยอดเขาสูงสุดของอาณาจักรทั้งเก้าได้สำเร็จ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับ อเทรอัสได้ถามพ่อของเขาถึงความหมายอีกชื่อหนึ่งของเขา ซึ่งชื่ออเทรอัสนั้นเป็นชื่อที่เครโทส พ่อผู้เป็นเทพเป็นคนตั้งให้ แต่ชื่อที่เฟย์ แม่ผู้เป็นยักษ์ตั้งให้เขานั้นมีชื่อว่า โลกิ
เวลาล่วงเลยผ่านไป ผลจากการสิ้นชีพของบาลเดอร์ได้นำพาลมหนาวแห่งฟิมบัลวินเทอร์มาสู่ดินแดนของอาณาจักรทั้งเก้า เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงหายนะที่จะล้างบางทุกสรรพสิ่งมีชีวิตบนโลก ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ ยักษ์ สัตว์อสูร และเหล่าทวยเทพ อเทรอัสยังคงอาศัยอยู่กับเครโทสและได้เติบโตขึ้นพร้อมกับเฝ้าตามหาความหมายในหน้าที่และชื่อที่แท้จริงของเขาเอง พร้อมกับมองเห็นภาพนิมิตที่เทพเจ้าสายฟ้าได้มาบุกเยือนพวกเขาถึงที่
เครโทสในยามนี้ ได้ฝึกฝนอเทรอัสอย่างเข้มงวดเพื่อเตรียมพร้อมต่อการต่อสู้ที่อาจมาถึงได้ทุกเมื่อ สองพ่อลูกได้กลายเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวครั้งยิ่งใหญ่นี้ และยังได้ถูกไล่ล้างแค้นจากเฟรยา พร้อมกับถูกหมายหัวจากธอร์และโอดิน เมื่อช่วงเวลาแห่งบทสรุปสุดท้ายใกล้มาถึง สองพ่อลูกจึงต้องร่วมออกเดินทางด้วยกันอีกครั้ง สู่ปฐมบทแห่งมหาสงคราม Ragnarok