14 สิ่งควรทำสำหรับผู้เล่นที่ซื้อ PlayStation 5 เพื่อการใช้งานที่คุ้มที่สุด
Sony ได้มีการประกาศออกมาแล้วว่าในปี 2023 นี้ คนเล่นจะสามรถหาซื้อ PlayStation 5 ออกมาได้ง่ายขึ้น และหากคนเล่นสามารถหาซื้อตัวเครื่อง ฯ มาแล้ว เพื่อให้การใช้งานคุ้มค่าที่สุดสมกับการอดทนรอคอยที่จะได้ซื้อมาอย่างยาวนาน ซึ่งทางสื่อต่างประเทศได้มีบอกถึงข้อแนะนำ 14 อย่างที่อยากแนะนำให้ผู้เล่นที่ซื้อ PlayStation 5 มาได้ จะได้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตั้งแต่วันแรกที่ได้เครื่องมา
ข้อ 1 วางตัวเครื่องให้ถูก
หลังจากคนเล่นเอา PlayStation 5 ออกมาจากกล่องแล้ว จะสังเกตว่ามีขาตั้งที่วางในแนวนอนหรือแนวตั้งได้ ตามหลักแล้วจะวางแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ แต่อย่าวางแนวนอนแบบตัวอย่างในรูปนี้เพราะเป็นการวางที่ผิด
ข้อ 2 ปรับตั้งค่าการเข้าถึงให้เหมาะสม
PlayStation 5 นั้นมีเมนูที่ค่อนข้างละเอียด ทั้งการแก้ไขสี การแก้ไขความเข้มของข้อความ การแสดงคำบรรยายของซับ หรือการสั่นของคอนโทรลเลอร์ ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนจะมีแนวทางการเล่นต่างกัน ควรปรับค่าพวกนี้ให้เหมาะสมที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหาระหว่างเล่น
ข้อ 3 ปิดการแจ้งเตือนแคปภาพหน้าจอ
หากผู้เล่นเป็นคนที่ชอบแคปหน้าจอ เวลาที่เรากดปุ่มแคปหน้าจอ ตัว PlayStation 5 จะมีการแจ้งเตือนบอก ซึ่งจะแตกต่างจาก Switch, Xbox และ Steam เพราะการแคปภาพหน้าจอของ PlayStation จะจับภาพทุกอย่างบนหน้าจอในขณะที่กดปุ่ม แทนที่จะเป็นเพียงเกมที่คุณกำลังเล่น ซึ่งทำให้การจับภาพออกมาไม่สวยเพราะจะติดการแคปหน้าจอก่อนหน้านี้ วิธีการเอาออกคือให้ไปที่เมนูการตั้งค่า เลื่อนลงไปด้านล่างสุดแล้วกดคำว่า Captures and Broadcasts ซึ่งจะพบเมนูจับภาพซึ่งมีตัวเลือกหนึ่งที่เรียกว่า “Shortcuts for Create Button" แล้วไปกดปิดตรง “Display Save Confirmation for Screenshots” เสีย และเกี่ยวกับปุ่มที่จะกดแคปภาพนั้น ก็สามารถไปเปลี่ยนปุ่มสำหรับการกดแคปภาพให้เหมาะกับตัวเองได้ด้วยเช่นกัน
ข้อ 4 ปรับแต่งการแจ้งเตือนทั่วไป
PlayStation 5 นั้นมีการแจ้งเตือนที่เยอะมากที่จะโผล่มาระหว่างที่เราเล่นเกม อาทิ การได้รับถ้วยรางวัล, คำขอเป็นเพื่อน, คำเชิญเล่นเกม, แจ้งเตือนอัปเดตเกม ฯลฯ ซึ่งผู้เล่นสามารถตั้งค่าแจ้งเตือนบางอย่างให้แสดงหรือไม่แสดงก็ได้ รวมทั้งยังตั้งค่าเพื่อให้แจ้งแยกได้ระหว่างเล่นเกม, ดูวีดีโอ หรือระหว่างไลฟ์ก็ได้เช่นกัน
ข้อ 5 เปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติ
หากผู้เล่นจะเล่นเกมออนไลน์ แล้วไม่ได้กดอัปเดตไว้ล่วงหน้าก็จะทำให้ต้องมาเสียเวลาดาวน์โหลดก่อนจะได้เล่นจริง ซึ่งตัวเครื่อง PlayStation 5 สามารถตั้งค่าให้อัปเดตล่วงหน้าได้ โดยการไปที่ตั้งค่า และให้มั่นใจว่าได้กด "อัปเดตอัตโนมัติ และ ติดตั้งอัตโนมัติในช่วงโหมดพัก" เอาไว้แล้ว
ข้อ 6 เชื่อมโยงบริการอื่น ๆ
PlayStation 5 มีบริการอื่น ๆ มากมาย เช่นการสตรีมและโซเซียลมีเดีย เพื่อให้การเชื่อมต่อทุกอย่างราบรื่น ผู้เล่นควรจะไปตั้งค่าเชื่อมโยงบัญชีให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น Apple Music, Spotify, Twitch, Twitter หรือ YouTube เพราะถ้าไม่เชื่อมต่อเนิ่น ๆ ตอนที่จะใช้จริง ๆ คงได้มายุ่งยากตอนใส่รหัสผ่านตอนนั้นนั่นเอง
ข้อ 7 เข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ
หากผู้เล่นมี PlayStation 5 สำหรับใช้เล่นส่วนตัว การตั้งค่าให้เข้าสู่ระบบอัตโนมัติจะทำให้เปิดเครื่อง PlayStation 5 ได้ไวขึ้น 2 - 3 วิ โดยสามารถไปได้ตั้งค่า มองหาคำว่า Login Settings และดูตรง “Log In to PS5 Automatically” ซึ่งระบบนี้จะเข้าอัตโนมัติทันทีที่คนเล่นใช้งานบัญชีไหนก็ตาม
ข้อ 8 พิจารณาเรื่องของความจุของเครื่อง
ทุกวันนี้เกมมีขนาดพื้นที่ที่มากขึ้น และบางที SSD ที่มีมาให้อาจจะมีความจุไม่เพียงพอกับเกมที่เล่น เมื่อหักจากไฟล์ของระบบแล้วเราจะมีพื้นที่ลงเกม 667GB (และอาจเสียพื้นที่ไป 10% กับคำว่า "อื่น ๆ" ด้วย) คนเล่นจะสามารถซื้อไดรฟ์ภายนอกมาเพิ่มพื้นที่ได้ แต่นอกจากจะไม่สามารถเล่นเกมจากพื้นที่เก็บข้อมูลแล้ว การดาวน์โหลดข้อมูลไว้ในนั้นก็จะช้ากว่าด้วย ดังนั้น คำแนะนำคือ แนะนำให้ไปอัปเกรด SSD ซึ่งสามารถทำได้ เพียงแค่ใช้ไขควงเพื่อใส่ SSD M2 ลงไป ซึ่งใช้เวลาราวแค่ 10 นาทีเท่านั้น
ข้อ 9 ตรวจสอบการสมัครสมาชิก PlayStation Plus
สำหรับมือใหม่ PS ทาง SONY มีบริการ PlayStation Plus ซึ่งเป็นการสมัครสมาชิกรายเดือนที่จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม แต่สิ่งที่คนเล่นจะเล็งไว้ก็คือ "เกมแจกฟรี" ทุก ๆ เดือน ซึ่งราคารายเดือนที่เริ่มต้นที่ 210 บาทต่อเดือน ก็คุ้มค่าในการซื้อแล้วเพราะมูลค่าเกมที่แจกฟรีในแต่ละเดือนจะมีราคามากกว่านั้น โดยเฉพาะหากอยากเล่นเกมคลาสสิกบน PS1, PS2, PS3 และ PSP ก็ควรสมัครสมาชิกแบบระดับ DELUXE ในราคา 370 บาทต่อเดือน (หากคนเล่นมีอินเทอร์เน็ตความเร็ว 5 mbps ขึ้นไปก็จะสตรีมเกม PS3 มาเล่นได้ด้วย) อาจเป็นอีกตัวเลือกแนะนำให้ได้ลองสมัครกัน
ข้อ 10 ตรวจสอบ PlayStation Plus Collection
การสมัคร PlayStation Plus นั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า PlayStation Plus Collection ซึ่งจะทำให้คนเล่นสามารถเข้าไปทดลองเล่นเกมได้ก่อนซื้อจริง เช่น เข้าไปทดลองเล่น God of War ก่อนซื้อตัวภาค Ragnarök หรือไปลองเล่น The Last of Us: Remastered แทนการซื้อตัว The Last of Us Part I รีเมก ซึ่งจะทำให้คนเล่นประหยัดเงินค่อนข้างมากเพราะจะได้ซื้อเกมเวอร์ชั่นที่ถูกจริตคนเล่นที่สุด
ข้อ 11 ดาวน์โหลดเกมฟรีมาเล่น
นอกจากเกมแจกของสมาชิก PlayStation Plus แล้ว เกมบางเกมที่เล่นได้ฟรีแต่แรกก็สามารถดาวน์โหลดมาเล่นได้ เช่นเกมที่คนเล่นหลายคนรู้จักกันดีอย่าง Fortnite, Overwatch 2, Warframe, Genshin Impact แม้กระทั่ง The Sims 4 ที่แจกฟรีแล้วก็ยังดาวน์โหลดมาเล่นได้เช่นกัน และเกมต่าง ๆ เหล่านี้ก็สามารถเล่นได้ฟรี (แต่จะโดนกาชาหรือส่วนเสริมตกหลังจากนี้อีกเท่าไหร่นั้นก็อีกเรื่องน่ะนะ)
ข้อ 12 ดาวน์โหลดไฟล์เซฟเดิมบน PS4 มาเล่นต่อ
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ PS5 คือผู้เล่นสามารถดึงไฟล์เซฟจาก PS4 มาเล่นต่อได้ ซึ่งทำได้โดยการย้ายข้อมูลไปยังฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกเพื่อเพิ่มลงใน PS5 หรือใช้ระบบการดึงไฟล์เซฟบน PS5 มาผ่าน WIFI และทั้ง PS4 และ PS5 จะต้องเปิดอยู่ แต่หากคนเล่นไม่มี PS4 แต่เป็นสมาชิก PlayStation Plus ก็สามารถใช้ฟีเจอร์นั้นเก็บไฟล์เซฟไว้บนคลาวด์ได้ด้วย
ข้อ 13 ลองเล่น Astro's Playroom ก่อน
เกมแรกที่คนเล่นควรจะเล่นบน PS5 นั้นก็คือ Astro's Playroom เพราะมันจะเป็นเกมที่พาคนเล่นทัวร์ให้เข้าใจระบบของ PS5 ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำตัวเครื่อง, การแนะนำใช้งานคอนโทรลเลอร์ เป็นประสบการณ์ที่ดีโดยเฉพาะคนเล่นที่ต้องการเรียนรู้การใช้งาน PS5 ก่อนจะไปเล่นเกมจริง ๆ
ข้อ 14 เลือกเกมที่ "คุ้มค่าในการซื้อที่สุด"
PS5 มีเกมให้เล่นมากมาย แต่เกมที่จะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุดนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มีเพียงไม่กี่เกม ลองมองหาเกมดัง ๆ คุณภาพดี ๆ และคุ้มค่าในการเล่นมาดูสิ อย่างเช่น God of War Ragnarök , Horizon Forbidden West หรือ Elden Ring แต่แน่นอนว่าแนวทางการเล่นของแต่ละคนจะต่างกัน คนเล่นจะสามารถเลือกเองได้ว่าจะดาวน์โหลดเกมไหนมาเล่นตามที่คนเล่นชอบ! อย่างไรก็ตามในสื่อต่างประเทศก็ได้มีบทความเตือนถึง 15 เกม PS5 ที่อย่าได้ลองของซื้อมาเล่น เอาไว้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตัวผู้เล่นเองเป็นสำคัญ