ไฟนอลสาวน้อยเวทย์มนต์! ครบรอบ 20 ปี FFX-2 กับหนึ่งในระบบการเล่นสุดแปลกของซีรีส์

ไฟนอลสาวน้อยเวทย์มนต์! ครบรอบ 20 ปี FFX-2 กับหนึ่งในระบบการเล่นสุดแปลกของซีรีส์

ไฟนอลสาวน้อยเวทย์มนต์! ครบรอบ 20 ปี FFX-2 กับหนึ่งในระบบการเล่นสุดแปลกของซีรีส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Final Fantasy X-2 วางขายเป็นครั้งแรกบนแพลตฟอร์ม PlayStation 2 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นหนึ่งในเกมที่แปลกแยกที่สุดของซีรีส์ ทั้งการเป็นเล่าเรื่องภาคต่อครั้งแรกของเกมแฟรนไชส์นี้ และระบบการเล่นและการนำเสนอที่แตกต่างอย่างมากทั้งจากเกมในซีรีส์เดียวกัน แม้แต่เกมภาคก่อนหน้าด้วยก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าเกมได้นำเสนอระบบการเล่นที่แปลกและสนุกไม่น้อยทีเดียวนั่นคือระบบ Dressphere

Sphere ในที่นี้คือแกนกลางที่ใช้ในเทคโนโลยีแทบทุกอย่างในโลกของเกม Spira โดยหลังจากเหตุการณ์ในภาคก่อนหน้าคือ Final Fantasy X Sphere ก็เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ และการพัฒนาเครื่องจักรทำให้กลุ่มตัวเอกภาคนี้ได้แก่ Yuna, Rikku, และ Paine ได้รวมทีมกันทำงานเป็น Sphere hunter ออกตามหา Sphere ที่สูญหายทั่วโลก

นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว ในแง่ของเกมเพลย์เองก็นำเอาความสำคัญของเจ้า Sphere นี้เข้ามาใช้ร่วมได้อย่างน่าสนใจ นั่นคือระบบ dressphere โดยตัวละครในเกมจะต่อสู้โดยสวมใส่อุปกรณ์และใช้ความสามารถที่เก็บไว้ใน Sphere ที่หาได้จากในเกมคล้ายกับการเปลี่ยนคลาสตัวละคร ซึ่งสร้างความหลากหลายในเกมเพลย์อย่างมากด้วยจำนวนคลาสในเกมนี้มากถึง 14 คลาส(ไม่นับรวม Sphere พิเศษที่เกิดจากการรวมพลังของสามสาวอีก 3 แบบ) และยังสามารถปรับเปลี่ยนไปมาระหว่างการต่อสู้ได้อีกด้วย

วิธีการทำงานของมันรวมถึงการนำเสนอในเกม เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อการ์ตูนแอนิเมชั่นสาวน้อยเวทย์มนต์ นั่นเพราะการเปลี่ยนชุดคลาสระหว่างการต่อสู้นั้น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนในแง่การต่อสู้ทั้งอาวุธและความสามารถ แต่ยังมีฉากการเปลี่ยนร่างเฉพาะตัวประหนึ่งฉากสาวน้อยเวทย์มนต์สวมชุดในการ์ตูนเลยทีเดียว ทั้งการปลดชุดเดิมออก ก่อนจะค่อยๆ สวมชุดแต่ละส่วน จับอาวุธประจำตัว และจบที่โพสท่าสวยๆ ไปอีกที เรียกว่าครบทุกกฏการเป็นสาวน้อยเวทย์มนต์เลยละ

แน่นอนว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงนี้ทั้งในแง่เกมเพลย์และเนื้อเรื่องทำให้เกมมีโทนที่เป็นเกมของสาวน้อยมากๆ ทำให้เกมนี้ในยุคนั้นทำให้ผู้เล่นหรือแฟนๆ ของซีรีส์อาจออกอาการ Culture Shock รับไม่ได้กันเลยและเป็นภาคที่เด็กหนวดให้ความสนใจน้อยที่สุดไปโดยปริยาย แต่หากมองเทียบกับเกมภาคล่าสุด Final Fantasy XV ที่เป็นการเดินทางของเหล่าเด็กผู้ชายและมิตรภาพระหว่างเพื่อนผู้ชายและสามารถทำยอดขายได้มากที่สุดของซีรีส์ ชนะแม้แต่ FF7 Remake แล้ว กลุ่มสาวๆ ของภาค X-2 ก็น่าจะสร้างฐานความนิยมได้ไม่ยากทั้งที่เริ่มมาก่อนตั้งแต่ยุค PlayStation 2 แล้วรึเปล่านะ?

นอกจากการนำเสนอแล้ว มาดูเรื่องระบบการต่อสู้ลึกลงไปอีกหน่อยกัน โดยนอกจากความฉูดฉาดแสบตาของการแปลงร่างไปมาระหว่างการต่อสู้ที่เห็นนั้น เกมไม่ได้เปิดให้ผู้เล่นแปลงร่าง เปลี่ยนชุดได้อิสระ แต่ผู้เล่นต้องวางแผนก่อนล่วงโดยตั้งค่า Garment Grid ของตัวละครทั้งสามตัวไว้ก่อน โดยเจ้า Grid นี้จะเป็นแผ่นที่สามารถบรรจุ Spheredress ลงไปได้ตามจำนวนที่แต่ละ Grid จะสามารถใส่ได้

ซึ่งในทีแรกเราอาจจะมองว่าก็ใส่คลาสที่ดี และมีประโยชน์เข้าไปใน Grid ให้เยอะที่สุดก็พอ แต่เมื่อเราเล่นเกมผ่านไปเรื่อยๆ เราก็จะค้นพบ Garment Grid ที่แม้จะใส่ Spheredress ได้น้อยลง แต่ก็มอบความสามารถอื่นให้แทน ซึ่งผู้เล่นต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ดี อีกทั้งการเปลี่ยนชุดไปมาบน Grid ก็อาจมอบความสามารถบางอย่างเพิ่มให้กับตัวละครนั้นๆ อีกต่างหาก ทำให้เราจำเป็นต้องวางแผนทั้งจุดเริ่มต้นว่าจะใช้คลาสอะไร ทำอะไรบ้างก่อนจะคิดต่อว่าแล้วเราจะเปลี่ยนไปคลาสไหนต่อเพื่อทำอะไรต่อไป

Final Fantasy X อาจถูกจดจำได้ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของซีรีส์ แต่วันนี้ 20 ปีผ่านมา เพื่อนๆ อาจจะหาโอกาสลองสัมผัสกับภาคต่อของเกมที่ว่านั้น ด้วยเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งไม่แพ้กัน เพลงและ MV Cutscene ที่สวยงาม พร้อมด้วยระบบการเล่นที่แปลกใหม่ท้ากาลเวลา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook