เตรียมเจาะตลาดทุกประเทศ! อนาคตของการแข่ง VALORANT ในภูมิภาค APAC
ก่อนเริ่มการแข่งขันรอบสุดท้าย Play-off ของการแข่งขัน VCT Ascension Pacific ที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม ยาวไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมนี้ ทางทีมงาน Sanook Game ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแถลงข่าวและถามตอบกับคุณ Jake Sin ผู้จัดการฝ่าย Esport ของเกม VALORANT ประจำภูมิภาค APAC ถึงที่มาที่ไปของการจัดการแข่งขันนี้ รวมถึงอนาคตของการแข่งขันเกม VALORANT ทั้งหมดในอนาคตต่อไปด้วย
Q: ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันระดับ Challenger ในปีนี้ อะไรเป็นไฮไลต์ที่คุณคิดถึงก่อนเป็นอย่างแรก
Jake: มีเรื่องให้เราพูดคุยกันได้เยอะมากเลยในการแข่งขัน Challenger ปีนี้ อย่างแรกเลยคือพวกเราได้เป็นทีมใหม่ๆ จากลีก Challenger ที่แข็งแกร่งและสามารถโชว์ทักษะอันน่าทึ่ง เกมเพลย์ที่น่าตื่นเต้นและรอบชิงชนะเลิศที่สนุกเร้าใจ มีทีมระดับโปรที่เข้าร่วมการแข่งขัน Challenger ในรอบ Split 1 และ 2 ทั้งหมดกว่า 70 ทีม
เรายังได้เห็นการก่อตั้งของกลุ่มแฟนคลับ คอมมูนิตี้ของแฟนๆ ท้องถิ่นจำนวนมากที่เกิดขึ้นมาเป็นกองเชียร์ให้ทีมจากประเทศบ้านเกิดด้วยสังเกตได้จากจำนวนผู้เข้าชมไลฟ์สตรีมที่มากขึ้นทั้งจากประเทศเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เอเชียใต้ รวมถึงประเทศญี่ปุ่นที่เราตกใจมากกับตัวเลขการรับชมที่สูงถึง 160,000 คนพร้อมกันจำนวนผู้เข้าชมและสนใจนั้นมากพอให้พันธมิตรในแต่ละพื้นที่สนใจร่วมงานกับ Riot ในการจัดแข่งรอบชิงชนะเลิศแบบ LAN ในแต่ละประเทศอีกด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วมีผู้เข้ารับชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแบบสดมากกว่า 15,000 คนทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก
Q: มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากที่ได้เห็นการเติบโตของคอมมูนิตี้ในระดับนี้ อยากให้คุณ Jake ช่วยพูดถึงความสำคัญและที่มาที่ไปของการแข่งขัน Ascension นี้หน่อย
Jake: Ascension เป็นเหมือนบทสรุปของการแข่งขันสุดทรหดและยาวนานมาหลายเดือน และเป็นทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญต่อระบบการแข่งขัน VALORANT ในวงกว้างอีกด้วย
ทัวร์นาเมนต์นี้ออกแบบมาเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของผู้เล่นในภูมิภาคทั่วทั้ง APAC และเปิดโอกาสให้ภูมิภาคนี้ได้มีทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งทีมในการแข่งขัน VCT Pacific ด้วย เพราะอย่างที่ทุกคนทราบดีว่าทีมที่ชนะในการแข่งขัน Ascension นั้นจะได้เข้าเป็นหนึ่งใน 10 ทีมที่จะไปแข่งต่อในระดับนานาชาติอย่างเท่าเทียม และชิงสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกต่อ
แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือการที่ทีมในภูมิภาคนี้จะได้สัมผัสประสบการณ์ การแข่งขันระดับสูงสุดใน APAC ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็จะได้ลับฝีมือและสร้างคอมมูนิตี้ของตัวเองให้เหนียวแน่นขึ้นกว่าเดิม และเรามุ่งหวังอย่างยิ่งว่าจะสร้างเวทีที่ให้ทีมที่เก่งกาจเหล่านี้ได้แสดงฝีมือต่อไปในอนาคต
Q: Ascension นับเป็นการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับเหล่าแฟนๆ และคนดูอย่างมากเช่นกัน อยากรู้ว่า Riot วางการแข่งขัน Ascension ให้เข้าหาหาเหล่าแฟนคลับของแต่ละทีมในแต่ละประเทศอย่างไรบ้าง
Jake: ถูกต้องครับ แฟนๆ และคนดูนับเป็นแกนหลักของการจัดการแข่งขันของพวกเราเลย พวกเราอยากให้การแข่งขันนี้เป็นการแข่งที่สนุกและน่าตื่นเต้น นั่นทำให้เราเลือกจะวางฟอร์แมตการแข่งขันของ Ascension ให้สั้นกระชับที่สุดและมีผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดเช่นกัน มันเป็นตัวอย่างที่ดีของการแข่งขันระดับนานาชาติ ด้วยการจับคู่แข่งขันกันระหว่างภูมิภาคและภูมิภาค ซึ่งจะไม่มีทางเจอแบบนี้ในอีเวนต์การแข่งขันอื่นของ Riot
และนอกจากการให้พื้นที่แสดงฝีมือของผู้เล่นระดับสูงแล้ว ในการแข่งขัน Ascension นี้พวกเรายังต้องการมอบประสบการณ์ความสนุกนอกจากการรับชมการแข่งขันด้วย เช่นในการแข่งขันรอบสุดท้ายก่อนเริ่มการแข่งทั้งรอบรอบชนะเลิศและรอบชิง ก็จะมีการแข่งขัน Showmatch ที่เชิญเอาเหล่า Influencer ชื่อดังมากมายจากทั่วทั้งภูมิภาค APAC มาแข่งขันกันด้วย และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับแฟนๆ ที่เข้าร่วมรับชมการแข่งขันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พวกเรายังเตรียมความสนุกให้ได้รับชมกันอีกมากทั้งอีเวนต์ในงาน คอสเพลย์ และบู้ทสำหรับเข้าเล่นโหมดใหม่ล่าสุดอย่าง Team Deathmatch ด้วย
ซึ่งนั่นยังไม่หมดเพราะเรายังได้มีคอนเสิร์ตพิเศษจาก Sorn ที่เป็นการทำงานร่วมกันกับ Riot ในการทำเพลงเปิดการแข่งขันรอบสุดท้ายและจะแสดงสดให้ได้ชมกันครั้งแรกในงานก่อนเริ่มรอบชิงด้วย
Q: ทีมที่สามารถคว้าชัยในการแข่งขัน Ascension ครั้งนี้จะคาดหวังการสนับสนุนจาก Riot ได้อย่างไรต่อไปในอนาคต
Jake: ผู้ชนะในทัวร์นาเมนต์นี้นอกจากส่วนแบ่งเงินรางวัลรวม 100,000 ดอลล่าห์สหรัฐแล้ว ทีมที่ชนะยังจะได้เลื่อนขั้นเข้าสู่ VCT Pacific เป็นเวลาสองปีโดยเริ่มตั้งแต่ปีหน้าอีกด้วย ทีมจะได้รับผลประโยชน์จากลีกแบบเดียวกับทีมที่มีสปอนเซอร์ระยะยาวทีมอื่นได้รับ และมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเลื่อนขั้นสู่ระดับ Master และ Champion ได้ด้วย
และ Riot Games มีความตั้งใจที่จะนำเอาทัวร์นาเมนต์นี้ไปสู่ตลาดในประเทศต่างๆ ในอนาคต เพื่อที่เราจะได้พบปะแฟนๆ ในทุกหนแห่ง แต่เรายังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลสถานที่แข่งได้ในตอนนี้ ยังไงก็รอติดตามกันได้เลย!
Q: จากการเพิ่มเข้ามาใหม่ของโหมดการแข่ง Premier ในเกม VALORANT ทาง Riot พอจะเปิดเผยข้อมูลอะไรให้เหล่าผู้เล่นที่อยากเทิร์นโปรในอาชีพนักแข่งเกม VALORANT ได้รับรู้บ้าง
Jake: เราเชื่อว่าโหมด Premier ซึ่งเป็นโหมดการแข่งขันในเกมใหม่ล่าสุด จะเป็นจุดเริ่มต้นให้กับผู้เล่นไฟแรงในอนาคต และสนับสนุนพวกเขาให้ได้แสดงฝีมือในระดับเริ่มต้น ซึ่งทีมที่ได้ฝีมือได้ในโหมดนี้ก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับท้องถิ่น และค่อยๆ ไต่ระดับไปสู่การแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นได้ด้วย โดย Riot จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการแข่งนี้ในช่วงปลายปีนี้ อยากจะขอให้รอติดตามกันให้ดี
Q: แล้วในปีหน้าละจะเป็นอย่างไร? คุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อปีแรกของการแข่งขันใน APAC
Jake: ปีนี้เป็นปีแรกของการแข่งขัน VCT Pacific ซึ่งการจัดการแข่งขันในปีนี้เป็นไปได้สวยมาก! สังเกตได้จากตัวเลขที่เรามีในมือนั้น จำนวนผู้เข้าชมพร้อมกันสูงสุดถึง 400,000 คน และชั่วโมงในการรับชมรวมกันมากถึง 25 ชั่วโมงเลยทีเดียว มีการร่วมมือกับเหล่า Influencer ในภูมิภาค APAC ในการทำ Watch Party เกือบ 500 ครั้งและทาง Riot เองก็ได้มีโอกาสจัดปาร์ตี้รับชมการถ่ายทอดสดกว่า 60 ครั้งทั่วทั้งภูมิภาคด้วย
นอกจากนี้ Riot ยังได้ร่วมงานกับศิลปินที่น่าทึ่งเพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ตั้งแต่การทำเพลงประจำการแข่งขัน Making Waves ร่วมกับ Minnie จาก G-IDLE และ Don Diablo ไปจนถึงร่วมงานกับ Shannon Williams ผู้ให้เสียงพากย์เอเจนท์ Jett ซึ่งมาเป็นผู้ประกาศเปิดตัวผู้เล่นในรอบชิงชนะเลิศ
นี่ยังไม่นับรวมไปถึงความดุเดือดในการแข่งขันของทีมในภูมิภาค APAC เราได้เห็นพัฒนาอันน่าทึ่งของทีม T1 ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ได้เห็นทีม PRX ที่สามารถต่อสู้ได้อย่างทัดเทียมกับทีมจากระดับโลกอย่าง Fnatic และ EG ในการแข่งขัน Masters Tokyo ที่ผ่านมา
และสุดท้ายเมื่อเราได้ถามถึงความรู้สึกของทีมงานและ Rioters ที่ได้มาจัดการแข่งขัน Ascension ครั้งแรกที่ประเทศไทย รวมถึงโอกาสที่จะได้กลับมาการจัดแข่ง VALORANT ครั้งต่อไปในประเทศไทยอีกครั้งนั้นทางคุณ Jake ก็ได้กล่าวเสริมไว้ว่า "มันน่าทึ่งมาก เรารู้สึกดีมากกับเสียงตอบรับอันท่วมท้นของแฟนๆ ในประเทศไทย การที่ตั๋วเข้าชมกว่า 1,300 ใบขายหมดทุกวัน และแม้ว่าเราเพิ่มที่นั่งเข้าไปมันก็คงขายหมดอีกอยู่ดี ซึ่งการที่เราได้เห็นความสนใจจากผู้ชมในไทยขนาดนี้นับว่าเหนือกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เสียอีก ในอนาคตเราก็จะยังให้ความสำคัญกับคนดูในไทยอยู่นะ แต่เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับผู้ชมในประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทำให้ในตอนนี้เราคงพูดได้แค่ว่า เราจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน"