CEO ของบริษัท Unity ประกาศลาออกเซ่นเหตุการณ์ "นโยบายเก็บเงินผู้ใช้งาน"

CEO ของบริษัท Unity ประกาศลาออกเซ่นเหตุการณ์ "นโยบายเก็บเงินผู้ใช้งาน"

CEO ของบริษัท Unity ประกาศลาออกเซ่นเหตุการณ์ "นโยบายเก็บเงินผู้ใช้งาน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บริษัท Unity เจ้าของเอ็นจิ้นพัฒนาเกมที่มีเรื่องอื้อฉาว สร้างดราม่าใหญ่ในวงการเกมไปในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดได้ออกประกาศฉบับใหม่โดยทาง CEO, ประธานบริษัท, และประธานบอร์ดบริหาร, คุณ John Riccitiello ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว เนื่องมาจากต้องรับผิดชอบถึงดราม่าครั้งใหญ่ของบริษัทในการประกาศนโยบายเรียกเก็บเงินผู้ใช้งานเอ็นจิ้น

สามารถเข้าไปอ่านจดหมายประกาศตัวเต็มได้ในเว็บไซต์ของ Unity ทางลิงค์: https://investors.unity.com/news/news-details/2023/Unity-Announces-Leadership-Transition/default.aspx

 

John Riccitiello เริ่มทำงานในอุตสาหกรรมวิดีโอเกมกับบริษัท Electronic Arts ในช่วงเดือนตุลาคมปี 1997 โดยรับตำแหน่งเป็นประธานบริษัทและหัวหน้าทีมปฏิบัติงานจนถึงปี 2004 ก่อนจะออกไปก่อตั้งบริษัทของตัวเองในชื่อ Elevation Partners ก่อนจะกลับมารับตำแหน่ง CEO ของ Electronic Arts อีกครั้งในปี 2007 โดยเขาเป็นเจ้าของข้อเสนอนโยบายของ EA ที่เป็นที่จดจำของคนในวงการเกมก็คือ "เรียกเก็บเงินผู้เล่นทุกครั้งที่พวกเขายิงกระสุนในเกม Battlefield หมดแมกกาซีน" หรืออาจจะนับว่าเขาเป็นผู้ริเริ่มระบบการเก็บเงินแบบ Microtransaction ก็ว่าได้ ก่อนที่ในปี 2014 เขาจะรับตำแหน่ง CEO ให้กับบริษัท Unity

และหลังจากการลาออกของ Riccitiello ซึ่งจะมีผลทันทีนั้น ทางคุณ James M. Whitehurst ก็จะขึ้นมารับตำแหน่งเป็นทั้ง CEO, ประธานบริษัท, และสมาชิกบอร์ดบริหาร ชั่วคราวแทน ในขณะที่ตำแหน่งหน้าที่ประธานบอร์ดบริหารนั้นจะได้คุณ Roelof Botha มารับหน้าที่แทน

ในส่วนของบริษัท Unity นั้นนับเป็นเจ้าของเอ็นจิ้นในการพัฒนาเกมยอดนิยมโปรแกรมหนึ่งเลย โดยที่ผ่านมามักจะมีภาพพจน์ในแง่ที่เป็นมิตรต่อผู้พัฒนาเกมอินดี้ งบน้อย เน้นความทั่วถึงมากกว่า แต่ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น ทางบริษัทได้ประกาศนโยบายใหม่ในการเรียกเก็บเงินค่าใช้บริการเอ็นจิ้นกับทางผู้พัฒนาเกม โดยกำหนดมูลค่าเงินจากจำนวนยอดติดตั้งเกมที่ใช้งานเอ็นจิ้น Unity ซึ่งได้รับผลตอบรับจากเหล่าผู้พัฒนาเกมและวงการเกมในทางที่แย่มากๆ แย่จนทำให้บริษัท Unity ต้องประกาศยอมถอย และจะนำนโยบายนี้กลับไปปรับปรุงอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook