Yakuza 3
ปิดฉากตำนานมังกรยากุซ่าแห่งยุคปัจจุบันของ คิริว คาซาม่า ไปแล้วใน Yakuza 2 อย่างสวยงาม หลังจากจัดการแก้แค้นเพื่อนทรยศและได้กลับคืนสู่ความเป็นสุดยอดวงการยากูซ่าได้สำเร็จ แต่จริงๆแล้วความยิ่งใหญ่ของตระกูลคิริวกับความเป็นบากูซ่านั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคของคาซาม่าเลย แต่บรรพบุรุษของคาซาม่าเองก็เป็นใหญ่ในวงการยากุซ่ามาตั้งแต่สมัยเอโดะ เมื่อยุคปี ค.ศ. 1605 แล้ว ดังเรื่องที่จะกล่าวถึงใน Yakuza 3 นี้
ในยุคนั้นถือว่าเป็นยุคมืดที่ค่อนข้างโหดร้ายป่าเถื่อนของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ บ้านเมืองระส่ำระสาย มีการใช้กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมาย ซามุไรต่างพกพาดาบเดินกันอย่างอิสระ ใครพูดจาไม่เข้าหูหรือไม่ชอบหน้ากันก็ชักดาบฆ่าฟันกันอย่างไม่ไว้หน้า และถ้าจะพูดถึงเหล่าซามุไรที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นล่ะก็ย่อมหนีไม่พ้น "มิยาโมโต้ มุซาชิ" ยอดซามุไรดาบคู่ ที่ร่วมกับบรรพบุรุษตระกูลคิริว "คิริว คาซุมะโนะสึเกะ" ในการจัดการเหล่าซามุไรยากุซ่าที่ใช้กำลังอำนาจในทางที่ผิด และนอกจากนี้ยังมีเหล่าซามุไรและบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นร่วมแสดงในเกมมากมายอย่างเช่น ซาซากิ โคจิโร่, มารุเมะ นางาโยชิ, โยชิโอกะ เซจูโร่ ฯลฯ
ระบบต่อสู้ในเกมจะเปลี่ยนจากเตะๆต่อยๆแนวกุ๊ย มากลายเป็นการต่อสู้แบบบุชิโดดวลดาบเดิมพันด้วยชีวิตแทน ซึ่งจะมีเพลงดาบและสไตล์การถือดาบให้เลือกใช้มากมายตามตำราเพลงดาบชื่อดังต่างๆ และก็ขึ้นกับลักษณะดายที่ใช้ด้วย มีทั้งดาบเดี่ยว ดาบคู่ ดาบใหญ่ มีดสั้น และก็ยังมีจ้าสุนัขคู่ใจช่วยดำเนินเรื่องและช่วยสู้ด้วย ส่วนฉากในเกมนั้นจะเป็นลักษณะของเมืองแบบเอโดะขนานแท้ และจะมีสถานที่ต่างๆให้ผู้เล่นเข้าไปเยี่ยมชมกันอย่างจุใจอย่างโรงน้ำชา(เกอิชา) ร้านเหล้า โรงเตี้ยม งานวัด โรงพนัน(ไฮโลว) ฯลฯ
ภาพจากนิตยสาร Famitsu
Source: Famitsu, Jeuxfrance