Tree of Savior เตรียม OBT 17 ธันวาคมนี้ พร้อมเผยข้อมูลใหม่
Tree of Savior เตรียม OBT 17 ธันวาคมนี้ พร้อมเผยข้อมูลใหม่
Tree of Savior ก็ได้ประกาศกำหนดการโอเพ่นเบต้าออกมาแล้วนะครับ ซึ่งก็คือวันที่ 17 ธันวาคม 2015 นี้ โดยจะเริ่มปล่อยตัวเกมให้โหลดกันก่อนในวันที่ 15 ธันวาคมก่อนจะโอเพ่นเบต้าเพียงสองวันเท่านั้น ตัวเกมที่ปล่อยมาให้โหลดกันก่อนนั้น ผู้เล่นสามารถเข้าไปเล่นในพื้นที่ฝึกหัดได้ครับ ทางทีมงานยังได้เผยข้อมูลใหม่ที่จะมีเข้ามาในโอเพ่นเบต้าดังนี้
1. ผู้เล่นสามารถเลือกเมืองเกิดได้
ในเวอร์ชั่น CBT(โคลสเบต้า) ผู้เล่นจะเริ่มต้นการผจญภัยที่เมือง Klaipeda เพียงแห่งเดียว แต่ในเวอร์ชั่น OBT(โอเพ่นเบต้า) ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะเริ่มการผจญภัยที่เมือง Orsha ได้
เมือง Orsha นั้นก็จะกว้างขวางในระดับเดียวกับเมือง Klaipeda ทั้งสองเมืองก็จะมี NPC ให้เปลี่ยนคลาสถึง Rank 4 เช่นเดียวกัน รวมไปถึง บริการฝากของและอื่นๆ อย่างไรก็ตาม Orsha ก็จะมีพื้นที่ใหม่ๆให้ผู้เล่นได้สำรวจและเควสใหม่ๆให้ผู้เล่นได้จัดการ สุดท้ายผู้เล่นจากทั้ง Klaipeda และ Orsha จะมาเจอกันได้ที่เมือง Femidian นั่นเอง
▲ เมื่อสร้างตัวละครเสร็จแล้ว จะสามารถเลือกเมืองเริ่มต้นได้ ซึ่งเควสเริ่มต้นก็จะแตกต่างกันไป
2. เลเวลสูงสุดจะถูกเพิ่มเป็น 280
ใน CBT3 ผู้เล่นจะมีเลเวลสูงสุดเพียง 200 เท่านั้น และในเวอร์ชั่น OBT นี้เลเวลสูงสุดจะถูกเพิ่มเป็น 280 และพื้นที่ใหม่ๆก็จะถูกปลดล็อคด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าถ้ามีพื้นที่ใหม่ก็ต้องมีบอสใหม่แน่นอน เพลงประกอบใหม่ๆก็จะถูกเพิ่มเข้ามาเช่นเดียวกัน รวมไปถึงการเก็บ Collection ต่างๆในแต่ละพื้นที่ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
▲ พื้นที่สูงสุดที่สามารถเข้าถึงได้
3. ในแต่ละพื้นที่จะมี Rank เป็นของตัวเอง
ในเวอร์ชั่นก่อน พื้นที่ภายนอกและในดันเจี้ยนจะมีแค่เฉพาะชื่อเท่านั้น แต่ในเวอร์ชั่น OBT จะมีการเพิ่ม Rank เข้าไปร่วมกับชื่อ ยกตัวอย่างเช่น ชื่อพื้นที่ ★★ หรือ ชื่อดันเจี้ยน ★★★ อะไรแบบนี้
แน่นอนว่ายิ่ง Rank สูงขึ้น ความยากหรือบทลงโทษอะไรก็ต้องเพิ่มมากขึ้น แต่รางวัลที่ได้รับก็คุ้มค่าเหมาะกับความท้าทาย มอนสเตอร์บางตัวในพื้นที่ Rank สูงๆก็อาจจะมีการเริ่มโจมตีก่อนคล้ายๆกับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน เพราะฉะนั้นผู้เล่นก็ต้องตื่นตัวตลอดเวลาเช่นกัน
▲ พื้นที่ระดับ ★★★ มอนสเตอร์จะพุ่งเข้าโจมตีผู้เล่นก่อน
4. เพิ่มคลาส Rank 7 เข้ามา
ในตอนนี้ตัวละครของผู้เล่นสามารถเลื่อนขั้นไปถึง Rank ที่ 7 ได้แล้ว พร้อมกับ 2 circle ของ Rank 6 ซึ่งคลาสใหม่ก็มีหน้าตาดังต่อไปนี้ครับ
▲ Dragoon
Dragoon นั้นเป็นชั้นสูงสุดของทหารที่ใช้หอกเป็นอาวุธ ยิ่งถ้าใช้หอกสองมือจะได้รับโบนัสเพิ่มมากขึ้นกว่าการใช้หอกมือเดียวอีกด้วย
▲ Templar
Templar นั้นเปรียบเสมือนคลาสผู้บังคับบัญชาที่สามารถจัดตั้งและบริหารจัดการกิลด์ ได้ ซึ่งมีแต่คลาส Templar เท่านั้นที่จะสามารถเป็นหัวหน้ากิลด์ได้ และเลือกเส้นทางของกิลด์ว่าควรจะดำเนินไปแบบไหน
▲ Warlock
Warlock นั้นเป็นคลาสที่ใช้พลังวิญญาณของเหล่าปีศาจ สามารถเรียกและควบคุมเหล่าวิญญาณพวกนั้นเพื่อใช้ต่อกรกับศัตรู
▲ Featherfoot
Featherfoot นั้นคือเหล่าผู้มีเวทย์มนต์ ที่ดูดซับพลังชีวิตของเหล่าศัตรู หรือ ทำการสาปใส่ศัตรูเพื่อทำให้เราและเพื่อนของเราสู้กับศัตรูง่ายขึ้น
▲ Cannoneer
Cannoneer นั้นเป็นหนึ่งในคลาสสายนักธนู ปืนใหญ่ที่ใช้อาจจะมีช่องโหว่ในช่วงก่อนกับหลังยิง และอาจมีความลำบากเล็กน้อยในการใช้ แต่อย่างไรก็ตามสามารถเชื่อมั่นในความแรง ระยะ และพื้นที่ที่สามารถโจมตีได้แน่นอน ตัวปืนใหญ่นั้นจะมีความคล้ายคลึงกับปืนพกตรงที่เป็นประเภทอาวุธรองเหมือนกัน ซึ่งสามารถสวมใส่พร้อมกับ crossbow ได้
▲ Musketeer
Musketeer นั้นเป็นคลาสสายปืนที่ใช้ปืนไรเฟิลเป็นอาวุธ ไม่สามารถใช้ร่วมกับธนูได้ แต่ตัว Musketeer ก็มีความเร็วในการโจมตีสูง และมีสกิลโจมตีระยะประชิดที่มีประสิทธิภาพ
▲ Plague Doctor
Plague Doctor เป็นคลาสที่มาจากสาย cleric มีความเชี่ยวชาญในด้านอาการผิดปกติต่างๆของฝ่ายเดียวกัน และการเผาผลาญเหล่าฝ่ายศัตรู หน้ากากรูปร่างคล้ายนกนั้นได้เคลือบสารเคมีพิเศษเอาไว้เพื่อป้องกันเหล่า อาการผิดปกติต่างๆ
▲ Kabbalist
Kabbalist คือเหล่า cleric ผู้ฝึกฝนเวทย์มนต์โบราณ ที่มีชื่อเรียกว่า Kabbalah พวกเขาเหล่านั้นมีความสามารถในการสนับสนุนพวกพ้องด้วยพลังอย่างไม่จำกัด หรือการที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ชื่อศัตรูเพื่อใช้ช่วยเหลือพวกพ้องใน การต่อสู้
5. ระบบกิลด์จะถูกเพิ่มเข้ามา
คลาส Templar สามารถสร้างและจัดการกิลด์ได้
▲ อย่างแรกเลย ไปหา Knight Commander Uska และจ่ายเงินเค้าเพื่อสร้างกิลด์
จากนั้นก็ชวนเพื่อนๆเข้ากิลด์เลย
แรกเริ่มกิลด์จะรับสมาชิกได้ทั้งหมด 20 คนด้วยกัน จำนวนสมาชิกสูงสุดที่รับสามารถเพิ่มได้ด้วยการเพิ่มเลเวล attribute
ถ้าหากเข้าร่วมกิลด์แล้ว จะมีแท็บสำหรับไว้คุยกันในกิลด์ที่ช่องแชทโผล่ขึ้นมา
หัวหน้ากิลด์สามารถตั้งหอคอยกิลด์ไว้บนพื้นที่ที่เลือกได้
หอคอยจะมีฟังก์ชั่นให้ใช้มากขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับสกิลหอคอยกิลด์ของ Templar ที่เป็นหัวหน้ากิลด์มี
สมาชิกกิลด์สามารถใช้หอคอยกิลด์เพื่อวาร์ป, คลังกิลด์ หรือว่าเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัว
หอคอยกิลด์ที่มีเลเวลสูงๆ จะมีความสามารถทำให้เป็นจุดนัดพบได้ จุดนัดพบนี้พื้นที่ข้างในสามารถใช้ทำฟาร์มได้
ในจุดนัดพบนี้ ผู้เล่นสามารถปลูกพืชผักและเก็บเกี่ยวมันได้
หรือว่าจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงพิเศษก็ได้
พวกวัตถุดิบที่ใช้ในการปลูกและสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถรับได้จากกิจกรรมต่างๆของกิลด์
หัวหน้ากิลด์สามารถเลือกได้ว่ากิจกรรมไหนจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม กิจกรรมก็จะมีพวกกิจกรรมล่าบอส, ภารกิจเรดบอสของกิลด์ หรือกิจกรรมจำพวกศึกกิลด์ชนกิลด์
กิลด์นั้นสามารถเติบโตได้ด้วยการให้ไอเท็มที่ชื่อ talt ซึ่งสามารถหาได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ เมื่อกิลด์เลเวลอัพก็จะได้พอยท์มาอัพเพื่อพัฒนากิลด์ต่อไป
มีหลากหลายหนทางที่กิลด์ของเรานั้นจะเติบโตไปได้ กิลด์สามารถมุ่งเน้นไปทางเกษตรหรือไปทางการต่อสู้ก็ได้
แต่ละกิลด์สามารถเปิดศึกรบกันได้ การรบกันระหว่างกิลด์ก็จะมีทั้งแบบทำลายหอคอยกิลด์ฝ่ายตรงข้าม หรือ การ PVP กันของสมาชิกทั้งสองกิลด์ แต่การรบกันระหว่างกิลด์นั้นผู้ชนะก็ไม่ได้มีของ รางวัลอะไรมากมาย เพราะฉะนั้นการเป็นมิตรต่อกันก็คงจะดีกว่า
6. เครื่องรางเวทย์มนต์จะถูกเพิ่มเข้ามา
เครื่องรางเวทย์มนต์นั้นเคยถูกแจกให้เพื่อใช้ในการทดสอบในช่วง CBT โดยต่อไปนี้จะสามารถใช้ได้ตั้งแต่เลเวล 220 เป็นต้นไป เมื่อเครื่องรางเวทย์มนต์ถูกใส่ในโล่ห์หรืออาวุธซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าสเตตัส ให้แก่ผู้สวมใส่
เครื่องรางที่ติดอยู่กับโล่ห์นั้นคือเครื่องรางเวทย์มนต์ ซึ่งสามารถติดกับอาวุธได้เช่นกัน