ทำอย่างไร เมื่อลูกรักอกหัก...

ทำอย่างไร เมื่อลูกรักอกหัก...

ทำอย่างไร เมื่อลูกรักอกหัก...
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำอย่างไร เมื่อลูกรักอกหัก...
What To Do When Your Child is Heart Broken?

“นางเอกสาวกินยานอนหลับ-กรีดข้อมือประชดรัก” เคราะห์ดีมีเพื่อนมาช่วยทันเวลา ถ้าลูกสาว หรือ ลูกชายวัยรุ่นของคุณอกหัก แล้วอาการหนักแบบนี้ คุณควรทำอย่างไร ปลอบใจหรือทำเป็นไม่รู้เรื่องดีกว่า “ก็บอกแล้วนี่นาว่าเรียนก่อน แฟนมาที่หลัง”

แต่สมัยนี้นะครับ เด็กๆ มีแฟนขำๆ กันตั้งแต่อนุบาลแล้วครับ คุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้การดูแลไม่ให้เลยเถิดแก้ไขไม่ได้ และแน่นอนความรักวัยนี้มาคู่กับการอกหักแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นลูกคุณที่ไปบอกเลิกเขา หรือ โดนเขาบอกเลิกมา รับรอง 100% ครับว่าลูกคุณอยู่ในช่วงเวลาที่สับสนแน่นอน

ลองคิดดูว่าขนาดผู้ใหญ่อกหัก ยังแย่เลย วัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่านขนาดนั้นจะแรงแค่ไหน แต่คุณไม่มีวันรู้หรอกครับว่าลูกคุณจะออกอาการยังไง เด็กบางคนอาจเห็นเป็นเรื่องชิลๆ แต่บางคนรับไม่ได้ทำใจไม่ได้ โศกเศร้า ฟูมฟาย หรือ ซึม เงียบ พ่อแม่ที่ลูกมาอาการอย่างหลังนี้คงจะหนักใจพอสมควร เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับจิตใจ ไม่เหมือนกับถ้าลูกหกล้มเป็นแผล หรือเป็นไข้ คุณรู้แน่ๆ ว่าต้องทำยังไง

เรื่องอกหักเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของการเติบโต หมอหมีบอกไม่ได้หรอกครับว่าดีหรือไม่ดี แต่มันเป็นประสบการณ์ของลูกและของพ่อแม่ที่ต้องเตรียมใจไว้ครับ หมอหมีมีข้อคิดให้กับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างนี้ครับรับฟังให้มากที่สุด

สิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมใจมากที่สุดคือการรับฟังเรื่องราวโดยไม่ต้องคอมเม้นท์ใดๆ ให้ลูกคิดเองพูดออกมาเอง อย่าขัดจังหวะโดยพูดเรื่องประสบการณ์วันวานที่ไม่หวานของคุณให้ลูกฟังเด็ดขาด มันต่างเวลาต่างวาระกันครับ

ฟังครับต้องฟังอย่างเดียวไปก่อน คุณอาจจะโล่งใจที่ลูกคุณเลิกกับแฟนจะได้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ยิ่งถ้าแฟนลูกคุณไปมีกิ๊กใหม่ หรือโดนแฟนเอาเปรียบทุกอย่าง คุณก็อย่าหลุดปากให้ลูกหรือใครได้ยินว่า “คุณโล่งใจเพราะไม่ค่อยชอบหน้าแฟนลูกอยู่แล้ว” หรือไม่ควรเข้าข้างลูกโดยถล่มซํ้าเติมแฟนลูกเพราะมันจะทำให้ลูกรู้สึกแย่ยิ่งขึ้นไปอีกแล้วจะปลอบลูกยังไงดี

บางครั้งการทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่คอยให้ความห่วงใยเหมือนเดิมจะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น และกล้าที่จะมาเล่าให้ฟัง คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปลอบลูกด้วยถ้อยคำใดๆ เช่น “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” หรือ “ไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูก็พบคนที่ดีกว่า” คำพูดพวกนี้ไม่มีประโยชน์อะไรในช่วงนี้ เพราะสำหรับวัยรุ่นที่กำลังเสียใจแล้ว โลกของเขากำลังหยุดอยู่กับที่ คุณต้องใจเย็นรับฟังและรักลูกให้มากที่สุด แต่ไม่ต้องเสียใจนะครับ ถ้าลูกไม่มาเล่าอะไรให้ฟัง เพราะวัยรุ่นชอบคุยกับเพื่อนมากกว่า บางทีการกอดลูกแน่นๆ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะทำได้
ให้ลูกคิดเอง

เมื่อได้เวลาและโอกาสที่ลูกเริ่มเล่าเรื่องรักแสนเศร้าให้ฟังแล้วล่ะก็ รับฟังโดนไม่ออกความคิดเห็นใดๆ หรือ ขัดลูกนะครับ รับฟังเรื่องราวจากมุมมองของลูก การลำดับเรื่องราวในการเล่าจะทำให้ลูกคุณได้คิดจากความรู้สึกที่ประสบอยู่หากมีโอกาสที่ไม่เป็นการขัดการฟังนี้คุณอาจจะคอยสรุปสั้นๆ ถึงความคิดของลูกว่าลูกคิดอย่างนี้ใช่มั้ย แล้วอาจถามต่อไปว่า แล้วลูกรู้สึกอย่างไรกับความคิดนี้ แต่ต้องระวังไม่ให้รู้สึกเป็นการคาดคั้นนะครับ เพราะงานนี้คุณเป็นเพียงกระจกสะท้อนเงาให้ลูก

มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กท่านหนึ่งเคยวิเคราะห์ไว้ว่า เด็กวัยรุ่นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง และต้องเข้าใจตัวเองและสามารถยับยั้งชั่งใจกับความรู้สึกบางอย่างได้ และสลัดมันทิ้งไปได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าไปข้องเกี่ยวหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในปัญหาของลูกมากเกินไป ลูกก็จะไม่เข้มแข็งและไม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง มันก็ยากอยู่นะครับเวลาที่พ่อแม่เห็นลูกเป็นทุกข์ แต่เราต้องใจแข็งครับประคองรองรับทุกอย่าง แต่ไม่ลํ้าเส้นนะครับ

เมื่อไหร่ถึงควรยื่นมือเข้าไปช่วยลูก
ไม่อยากจะบอกว่า ถ้าลูกคุณขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วฟังแต่เพลงเศร้า รักของคนอกหัก หรือเปิดเพลงร็อคลั่นบ้านอยู่เป็นนานสองนาน แอบขำไปเถอะครับ อาการขังตัวเองอยู่ในห้อง ข้าวปลาไม่กิน แบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกลุ้มใจ ไม่ต้องกวนใจใดๆ เป็นอย่างนี้ 2-3 วัน หรืออาทิตย์หนึ่งก็โอเคนะครับ หลังจากนั้นถ้าลูกไม่ออกไปหาเพื่อน หรือคุยกับใครมากนัก อาจลองชวนไปช้อปปิ้ง กินไอศกรีม หรือไปดูหนังสนุกๆ กัน แต่อย่าไปคะยั้นคะยอนะครับ แต่ถ้าลูกคุณเริ่มกลายเป็นเด็กที่หลบหน้าหลบตาผู้คน ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ยอมออกไปไหนเลย มันอาจจะเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าถึงเวลาที่คุณควรยื่นมือเข้ามาช่วยลูกแล้ว

วิธีการที่จะเข้ามาต้องไม่บุ่มบ่าม คุณอาจจะถามลูกว่า อยากคุยกับใครไหมบางที่การคุยกับคนที่ไม่รู้จักเลย เช่น จิตแพทย์ อาจทำให้ลูกคุณรู้สึกดีขึ้น และสามารถเปิดใจได้มากขึ้น อย่าลืมนะครับว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงออกของลูก คุณในการมีแฟนครั้งต่อไป บางคนแหยงไปเลย หรือ บางคนก็ลุกขึ้นมาตะบี้ตะบันหาแฟนใหม่ สุดโต่งคนละขั้ว เพราะฉะนั้นถ้าดูแลไม่ดีในช่วงนี้จะมีผลในภายภาคหน้านะครับ
หมอหมีก็ได้แต่หวังว่าลูกคุณจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากความรักความเอาใจใส่ของคุณ จะได้ไม่มีเรื่องให้ตกอกตกใจนะครับ


ขอบคุณข้อมูล จาก โรงพยาบาลสมิติเวช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook