5 อันตรายจาก “แดดแรง” ที่มากกว่าแค่ “ผิวดำคล้ำเสีย”
ช่วงนี้อุณหภูมิในบ้านเราดูมีทีท่าว่าจะไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะทำให้เนื้อตัวเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากห้องแอร์แล้ว ยังสร้างปัญหาให้กับเราอีกมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องของกลิ่นตัว ผิวคล้ำเสีย และทำให้เสียบุคลิกภาพ แต่นอกจากปัญหาเหล่านี้ ยังมีอันตรายต่อร่างกายในแบบที่คุณอาจไม่เคยทราบมาก่อนด้วย
อันตรายจาก “แดดแรง” ที่มากกว่าแค่ “ผิวดำคล้ำเสีย”
- ผิวไหม้ แสบ ลอก
ระดับของรังสียูวีในแดดที่เข้มข้นขึ้น ที่อาจทำให้ผิวไหม้ แดง แสบ ลอก ได้ ซึ่งเราอาจเรียกว่าเป็นอาการ sun burn ที่ผิวหนังจะแดงแสบ ลอกเป็นขุยๆ หากมีอาการ sun burn บ่อยๆ อาจทำให้ผิวหนังคล้ำเสียถาวรได้
- ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
มีงานวิจัยพบว่าแสงแดด เป็นตัวการที่ทำร้ายผิวอันดับต้นๆ หากไม่ใช้ครีมกันแดด อาจมีความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงริ้วรอยต่างๆ มากกว่าคนที่ทาครีมกันแดดอย่างชัดเจน
- มะเร็งผิวหนัง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่คนไทยมีผิวหนังที่สีเข้มกว่าผิวหนังของคนยุโรป ที่ไวต่อแสงแดดมากกว่า จึงทำให้มีความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังน้อยกว่า แต่ถึงกระนั้น ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า หากผิวหนังของเราได้รับแสงแดดจัดมากเกินไปเป็นระยะเวลานานเพียง 15 นาที รังสียูวี ก็สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ โดยในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังจำนวน 300-400 รายต่อปีเลยทีเดียว
- ต้อลม ต้อเนื้อ
ข้อมูลจากโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน กล่าวว่า แสงแดดที่มีรังสียูวีเข้มข้น ยังส่งอันตรายถึงดวงตาได้ โดยการที่ดวงตาสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสียูวีจัดเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายปี ทำให้เซลล์เยื่อบุตาขาวสร้างสารประเภทโปรตีน และไขมันมากกว่าปกติ จนเกิดเป็นก้อนหนาบนเยื่อบุตาขาวข้างกระจกตาดำ และเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแสงแดดจัดตลอดทั้งปี เราจึงพบผู้ป่วยที่เป็นต้อลม ต้อเนื้อได้บ่อยมาก
- ฮีทสโตรก
อีกอันตรายหนึ่งที่ถึงกับชีวิตได้ นั่นคืออาการฮีทสโตรก เป็นอาการบาดเจ็บจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ร่างกายขับความร้อนออกมาไม่ทัน จนทำให้เกิดการสะสมความร้อนขึ้นในร่างกาย โดยความร้อนอาจมาจากทั้งความร้อนจากแสงแดดภายนอก รวมกับความร้อนภายในที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง เมื่อคู่กับภาวะขาดน้ำที่มักมาคู่กัน ก็จะยิ่งก่อให้เกิดอันตรายหน้ามืดตาลาย ล้ม เป็นลม จนไปถึงภาวะช็อกจนเสียชีวิตได้
ดังนั้นนอกจากจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดนานๆ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่อับร้อน อากาศไม่ถ่ายเทมากกว่า 30 นาทีแล้ว ยังต้องทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้างทุกครั้ง โดยเลือกที่มีค่า SPF มากกว่า 15 ขึ้นไป ค่า PA พร้อมเครื่องหมายบวก เช่น PA+++ ยิ่งบวกมากก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันผิวหนังจากรังสียูวีเอ ที่เป็นตัวที่ทำให้ผิวคล้ำเสียมีริ้วรอยได้มากควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดราว 20 นาที และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือทาซ้ำหลังว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬา เนื่องจากน้ำและเหงื่ออาจละลายครีมกันแดดได้ นอกจากนี้การสวมเสื้อแขนยา กางเกงขายาว หมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด ก็ช่วยปกป้องผิวหนังจากแสงแดดได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน แต่ควรเลือกเนื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น และสุดท้าย ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำด้วย