“เด็กอ้วน” เสี่ยงเป็นโรค “ไขมันพอกตับ”
- เด็กอ้วนเสี่ยงเป็นโรค “ไขมันพอกตับ” สูงถึง 5-44%*
- เด็กอ้วนที่อยู่ในช่วงช่วงวัยรุ่นมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับมากกว่าเด็กวัยรุ่นที่ไม่อ้วนถึงเกือบ 20 เท่า
- การตรวจโรคไขมันพอกตับด้วย Fibro Scan สามารถตรวจได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ
ปัจจุบันเด็กตัวอ้วนมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมการชอบรับประทานอาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว ทอฟฟี่ ของหวานเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และสุดท้ายไม่ได้ออกกำลัง ทำให้ความสมดุลระหว่างพลังงานที่ได้รับจากการทานอาหารมากเกินไป แต่กลับใช้พลังงานน้อยเกินไป ทำให้โรคอ้วนถามหา
ในทางกลับกันผู้ปกครองอาจมองว่า ”เด็กอ้วน” น่ารัก แต่ลืมนึกไปว่าความอ้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพ ยิ่งเด็กๆ ที่มีคอดำ หรือข้อพับรักแร้ บริเวณที่เนื้อเสียดสีกัน มีลักษณะดำคล้ายขี้ไคลแต่อาบน้ำและขัดไม่ออก
เด็กอ้วนมีโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงเสี่ยงเป็นโรค “ไขมันพอกตับ” ที่ผู้ใหญ่วัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นกันได้ สูงถึง 22.5-44%*
ความรุนแรงของเด็กที่เป็นโรคนี้ ทำให้เด็กมีการถึงตับอักเสบ หรือตับแข็ง เพราะมีพังผืดในตับมากเกินไป โครงสร้างของเซลล์ตับจึงผิดปกติ ที่น่าตกใจกว่านั้น พบว่า เด็กอ้วนสามารถเป็นตับแข็งได้ตั้งแต่อายุ 8 ปี และเด็กอ้วนที่อยู่ในช่วงช่วงวัยรุ่นมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับมากกว่าเด็กวัยรุ่นที่ไม่อ้วนถึงเกือบ 20 เท่า
อาการ มักไม่แสดงชัดเจน อาจแค่รู้สึกปวดท้อง อ่อนเพลีย บางครั้งอาจไม่ทำให้พ่อแม่นึกถึงโรคนี้
การตรวจวินิจฉัย วิธีการตรวจโรคนี้แบบง่ายที่สุดคือการอัลตราซาวนด์ตับ และวินิจฉัยโดยตรวจเลือดดูค่าการทำงานของตับ ในกรณีพบเด็กที่มีค่าการทำงานตับสูงกว่าปกติ กุมารแพทย์จะซักประวัติการได้รับยา สมุนไพร และตรวจหาโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดตับอักเสบเพิ่ม เช่น ติดเชื้อไวรัส แพ้ภูมิตัวเอง หรือมีสารทองแดงค้างในตับ
การตรวจด้วย Fibro Scan เป็นการตรวจวัดความแข็งของตับ ประเมินว่ามีพังผืดในตับมากผิดปกติหรือไม่ สามารถตรวจได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ เพื่อวางแผนทำการรักษาได้อย่างตรงจุดต่อไป
เด็กกลุ่มไหนที่ควรตรวจไฟโบรสแกน
- เด็กที่มีภาวะอ้วนลงพุง หรือน้ำหนักเกิน
- เด็กที่มีผลเลือดค่าการทำงานตับ ALT มากกว่า 22 เพราะมีโอกาสเป็นตับแข็ง
- มีเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี
- ทานยา, สมุนไพร ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ข้อดีของการตรวจตรวจตับด้วยไฟโบรสแกน (Fibro Scan)
- ตรวจง่าย ได้ผลเร็ว
- ไม่ได้รับความเจ็บปวดใดๆ
- สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะตับแข็งในระยะเริ่มแรก
- ติดตามผล และประเมินระดับความรุนแรงของตับแข็ง และช่วยในการวางแผนรักษาต่อไป
- อาจใช้แทนการเจาะเนื้อตับในผู้ป่วยที่มีข้อห้าม หรือปฎิเสธการเจาะตับ
- ตรวจปริมาณไขมันสะสมในตับสำหรับผู้ป่วยที่มีโรคไขมันเกาะตับ (Fatty Liver) ร่วมด้วยในครั้งเดียวกันได้
การป้องกันที่ดีที่สุด คือการปรับพฤติกรรมให้เด็กๆ
- รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ไม่ต้องงด แต่รับประทานมื้อเย็นให้น้อยลง
- งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล น้ำอัดลม นมเปรี้ยว น้ำผลไม้แบบบรรจุกล่อง
- ลดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย กะทิ และอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม
- งดขนมขบเคี้ยวระหว่างมื้ออาหาร แต่อาจหาผลไม้ให้ทานแทน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 30 – 60 นาที หรืออาจให้ช่วยทำงานบ้านก็ได้
- ลดพฤติกรรมที่ทำให้เด็กอยู่นิ่งมากเกินไปไม่เกิดการเคลื่อนไหว เช่น การนั่งดูทีวี นั่งเล่นเกม
- (โดยวันหนึ่งต้องนั่งดูทีวีหรือเล่นเกมไม่เกิน 2 ชม.)
- โดยทั้งหมดนี้ พ่อแม่อาจปรับพฤติกรรมให้เป็นตัวอย่างกับลูก โดยทำร่วมกัน
*เปอร์เซ็นต์สูงสุดของเด็กอ้วนที่เสี่ยงเป็นโรคไขมันในตับ