ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ร่างกายได้รับ "แคลเซียม" ไม่เพียงพอ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมได้จึงต้องรับมาจากอาหารผ่านการย่อยและดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ซึ่งการดูดซึมแคลเซียมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ประมาณ 20-25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะขับถ่ายทิ้งไป
ประโยชน์ของแคลเซียม
หน้าที่ของแคลเซียมนอกจากจะเป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน ยังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยในการแข็งตัวของเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ และควบคุมสมดุลของกรดและด่างในร่างกาย หากขาดแคลเซียมในเด็กจะทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน ทำให้การเจริญเติบโตของกระดูกผิดปกติ ถ้าในหญิงวัยหมดประจำเดือนจะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน และเป็นสาเหตุของโรคกระดูกเสื่อม นอกจากนี้ หากร่างกายขาดแคลเซียมอย่างรุนแรง อาจก่อให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง กระตุกและชัก เป็นต้น
ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ
นายแพทย์สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลทำให้ร่างกายขาดแคลเซียม เช่น
- ได้รับแคลเซียมผ่านอาหารไม่เพียงพอ
- ไม่ออกกำลังกาย
- ดื่มกาแฟเกินขนาด
- ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในหญิงวัยหมดประจำเดือน
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน หรือเคยกระดูกหักมาก่อน
ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับ
ในแต่ละวันเราควรได้รับปริมาณแคลเซียมตามช่วงอายุ โดยแต่ละวัยมีปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมไม่เท่ากัน
- ผู้ใหญ่ที่อายุน้อย 40-50 ปี ควรได้รับแคลเซียม 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียม 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
- อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
ทำอย่างไร ถึงจะได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ
เราสามารถเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม ได้แก่ งาดำ (1 ช้อนโต๊ะมีแคลเซียม 132 มิลลิกรัม) กะปิ กุ้งแห้ง (1 ช้อนโต๊ะมีแคลเซียม 140 มิลลิกรัม) ปลาหรือสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ทานได้ทั้งตัว เต้าหู้ นมและผลิตภัณฑ์จากนม พืชตระกูลถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่ว รวมถึง ตำลึง พริก กระถิน ใบยอ กะเพรา โหระพา กระเจี๊ยบ ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง คะน้า เป็นต้น โดยเลือกรับประทานตามปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งออกกำลังกายในช่วงเวลา 7 โมง ถึง 9 โมงเช้า เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดดซึ่งเป็นตัวช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และที่สำคัญหากมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานแคลเซียมควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่ควรซื้อแคลเซียมมารับประทานเอง