รู้จัก "โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว" หรือ "ลูคีเมีย" อันตรายที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย
ผศ.นพ.นพดล ศิริธนารัตนกุล
ภาควิชาอายุรศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
มะเร็ง เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย เพราะอวัยวะของเรานั้นประกอบไปด้วยเซลล์มากมายรวมกันขึ้นเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ และการเจริญเติบโตของมะเร็งก็จะเป็นแบบเซลล์ที่ผิดปกติ คือการเจริญเติบโตที่เร็วเกินไปจนกลายเป็นก้อนเนื้อ นอกจากนั้นโรคมะเร็งยังเกิดขึ้นได้กับทุกอวัยวะ โรคมะเร็งยังสามารถเกิดขึ้นในเม็ดเลือดที่อยู่ในร่างกายของเราได้อีกด้วย และท่านก็คงได้ยินในเรื่องของมะเร็งเม็ดเลือดขาวกันบ้างแล้วนะ ซึ่งเม็ดเลือดขาวของเรานั้นก็จะมีหน้าที่ช่วยทำลายเชื้อโรคและสารแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายหรือกล่าวง่ายๆ ว่า เม็ดเลือดขาวจะช่วยสร้างความต้านทานให้กับร่างกายของเราแต่ถ้าเม็ดเลือดขาวไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ของตนเองได้ก็จะเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเราได้อย่างแน่นอน
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) คืออะไร?
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมีย เป็นกลุ่มโรคที่เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนมีการแบ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้สะสมอยู่ในไขกระดูกแล้วก็ออกมาในการแตกเลือดก็ไปเบียดยังอวัยวะต่าง ๆ ทำให้การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทำงานผิดปกติไปเกิดจากการที่มีเม็ดเลือดขาวมากเกินไป
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นมาตั้งแต่เกิดหรือไม่ หรือเกิดภายหลังที่เราเกิดขึ้นแล้ว?
โรคนี้มักจะมาเป็นภายหลัง หลังจากที่เราคลอดออกมาแล้ว แต่เราสามารถจะพบได้ในบางรายที่เป็นตั้งแต่คลอดออกมา แต่โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายหลัง
สาเหตุ และปัจจัยสำคัญของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ในปัจจุบันสาเหตุที่แท้จริงเรายังไม่ทราบ แต่มีปัจจัยส่งเสริมบางอย่าง เช่น โรคทางพันธุ์กรรมบางโรค เช่น ดาวซินโดรม Down's syndrome การแพร่รังสีเพราะเราเจอคนไข้มากขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มีระเบิดปรมาณู นอกจากนั้นยังมีสารเบนซินพวกนี้ก็จะมีกลุ่มปัจจัยเสริมทำให้พบได้ง่ายขึ้น และมีการติดเชื้อบางอย่างด้วย เช่น เชื้อไวรัสบางอย่าง
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมจะมีส่วนด้วยไหม?
เราพบว่าโรคพันธุ์กรรมบางอย่างการมีอุบัติการณ์ของมะเร็งเม็ดเลือดขาวสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปนั่น คือ สาเหตุส่งเสริมที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่ว่าในเรื่องของรังสี สารพิษต่าง ๆ
ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากน้อยแค่ไหน?
ในปัจจุบันนี้เราพบว่ามีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากขึ้น เฉพาะที่ศิริราชเราปีที่แล้วมีผู้ป่วยใหม่ 200 รายในรอบ 1 ปี และมะเร็งเม็ดเลือดขาวจัดได้ว่าพบได้บ่อยใน 10 อันดับแรกของมะเร็ง
กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย ไม่เลือกเพศมีทั้งเพศหญิงชาย มีสิทธิเท่า ๆ กัน และเรื่องของวัยผู้ป่วยที่เราดูแลก็จะพบตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป ถึง 60 ปี โดยที่ไม่มีช่วงใดช่วงหนึ่งเป็นได้พิเศษ
สัญญาณอันตรายโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- อาการแรกที่เป็น คือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลียง่าย อันนี้เป็นลักษณะเดิมทั่วไปทั้งหลาย
- มีเลือดออกง่าย เพราะมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีเกร็ดเลือดต่ำ จึงทำให้เลือดออกง่าย เช่น ออกตามไรฟัน มีจ่ำเขียวขึ้นบนตามตัว หรือมีประจำเดือนมากผิดปกติ
- มีเม็ดเลือดขาวปริมาณมากแต่ทำหน้าที่ไม่ได้ตามเท่าที่จะเป็น เฉพาะเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ต่อ สู้กับเชื้อโรค แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต่อสู้เชื้อโรคไม่ได้ ก็มีการติดเชื้อง่ายมีไข้ มีการติดเชื้อในตำแหน่งต่างๆ
- เม็ดเลือดขาวไปบีบบังอวัยวะต่างๆ หรือสะสมอยู่ ก็ทำให้มีก้อนขึ้นที่ขาหนีบ ต่อมน้ำเหลือง ขา คอ หรือมีตับ ม้ามโต
เราจะมีการตรวจ และวินิจฉัยโรคอย่างไรบ้างให้เราทราบอย่างชัดเจนว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ขั้นแรก เราต้องเจาะเลือดตรวจว่ามีความผิดปกติ แล้วก็พบเซลล์เม็ดเลือดตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวต่อไปเราก็จะทำการยืนยันโดยการเจาะไขกระดูก เพื่อดูให้ชัดเจนอีกครั้งว่ามีการขยายตัวในไขกระดูกจริง
วิธีการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งจะให้เป็นชุด ๆ ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานพอสมควร บางทีอาจจะใช้เวลา 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย ในปัจจุบันก็จะมีวิธีใหม่มารักษา
- ปลูกถ่ายในไขกระดูก เราก็ทำได้แล้วแต่วิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยากอยู่มีค่าใช้จ่ายสูงและมีโรคแทรกซ้อนสูงพอสมควร และต้องใช้ไขกระดูกของพี่น้องที่เข้ากันได้อีก ฉะนั้นการรักษาวิธีที่ 2 ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป ซึ่งหลักใหญ่ในการรักษาก็จะมี 2 วิธีที่กล่าวมาแล้ว
วิธีรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าของยาเคมีบำบัด และการปลูกถ่ายไขกระดูกมีความก้าวหน้า เพราะฉะนั้นจัดได้ว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวมีวิธีการรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ขวบ อัดราการรักษาให้หายขาดค่อนข้างสูง คงขึ้นอยู่กับการมาพบแพทย์รักษาอย่างรวดเร็วและมาพบตั้งแต่เริ่มต้น มีบางกลุ่มที่ไม่ทราบและปล่อยปละละเลยให้อาการเป็นมากขึ้น
อันตรายจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีมากน้อยแค่ไหนหรือจะทำให้ผู้ป่วยถึงตายได้
ถ้าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างเฉียบพลันแล้วไม่ได้รักษาโดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตใน 3-4 เดือน ในการเสียชีวิตนั้นมีการติดเชื้อง่าย และการติดเชื้อนั้นมีการลุกลามไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อีกกรณีหนึ่งก็คือมีเลือดออก เช่น มีเลือดออกจากสมองอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่กรรมได้ย่างรวดเร็ว
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง พวกนี้อาการจะค่อยดำเนิน ค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเริ่มจาก 6-8 เดือน หลังจากนั้นอวัยวะต่าง ๆ ก็จะเริ่มเสื่อมลง ก็จะเกิดปัญหารุนแรงตามมาอีก เพราะฉะนั้นเราควรดูแลรักษากัน เพราะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นโรคหนึ่งที่ร้ายแรงและอันตราย
วิธีดูแล หรือปฎิบัติตัวของผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว เพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีการติดเชื้อได้ง่าย และการดูแลรักษาความสะอาดส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราพบบ่อยคือสุขภาพปาก ฟัน อันนี้เป็นช่องทางทำให้ติดเชื้อกันง่าย ควรใช้แปรงขนอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ซึ่งพวกนี้จะราคาแพงแต่จะทำให้มีแผลในปากน้อย และจะช่วยลดการติดเชื้อเป็นอย่างดี
- รับประทานอาหาร ผัก ผลไม้ มากๆ จะช่วยในการขับถ่ายอุจจาระไปได้ด้วยดีไม่ท้องผูกอาจจะมีแผลที่ทวารเป็นที่หนึ่งของการติดเชื้อได้ง่าย
- ดื่มน้ำมากๆ เพราะระหว่างรักษาอาจเกิดการแตกสลายในเม็ดเลือดเป็นจำนวนมาก และมีการสะสมสารบางอย่างในร่างกายทำให้เกิดการอุดตัน เพราะฉะนั้นทานน้ำมากๆ ก็จะช่วยขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
- อย่าซื้อยาแก้ปวดแก้ไข้ทานเอง อันนี้จะเป็นอันตรายเสริมในกรณีที่ได้ยาผิดประเภทไป คนไข้กลุ่มนี้ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์
- รักษาสุขภาพร่างกายอย่าให้มีโรคแทรกซ้อนมาภายหลัง
แนวทางการป้องกันโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
เนื่องจากเรายังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย แต่เราทราบว่ามีปัจจัยส่งเสริมว่าคือพวกสารเคมีบางอย่างหรือพวกอาหารที่มีสารปรุงแต่งมากเกินไป ช่วงนี้คนส่วนมากนิยมอาหารพวก Fast Food หรืออาหารทีมีการดัดแปลงมีสารเคมี และอันนี้ก็มีการศึกษาและพบว่ามีอุบัติการของมะเร็งไม่ใช้เฉพาะของมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างเดียว มะเร็งชนิดอื่นๆ ก็มีอุบัติการณ์สูงขึ้น ถ้าเราลดของพวกนี้ได้ก็จะลดปัจจัยการส่งเสริมมะเร็ง
ในปัจจุบันสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกาได้แนะนำว่า คนทั่วไปควรทานอาหารที่มีผัก ผลไม้ อย่างน้อยวันละ 5 ส่วน ซึ่งจะช่วยลดอุบัติการการเกิดมะเร็งไม่ว่าจะเป็นมะเร็งชนิดใดก็ตาม
___________________
อ่านบทความเพิ่มเติม >>>>> SIRIRAJ E-PUBLIC LIBRARY
ขอบคุณเนื้อหาจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล