"กระดูกพรุน" ลดคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุมากกว่าที่คิด
โรคกระดูกพรุน คืออะไร?
รศ.นพ.กระเษียร ปัญญาคำเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวบรรยายเรื่อง "ลดเสี่ยงกระดูกพรุน เพิ่มคุณภาพชีวิต" ว่า โรคกระดูกพรุน คือ ภาวะความผิดปกติของกระดูกที่มีการลดลงของความหนาแน่นของมวลกระดูก ส่งผลให้กระดูกมีโอกาสหักได้ง่าย นับได้ว่าเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งร่างกายของคนเราจะมีมวลกระดูกสูงที่สุดในวัย 30 ปี หลังจากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ สูญเสียมวลกระดูก เสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะเพศหญิงมวลกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังหมดประจำเดือน
ภาวะกระดูกหัก หรือกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหากระดูกพรุน ซึ่งมีภาวะของกระดูกที่เปราะบางกว่าปกติ จากสถิติผู้ป่วยที่เกิดภาวะกระดูกสะโพกหัก 50% เคยมีกระดูกหักที่อื่นมาก่อนแล้ว และ 80% เกิดเนื่องจากกระดูกพรุน ซึ่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แยกเป็นสถิติได้ ดังนี้
- 50% ของผู้ป่วย ต้องมีเครื่องช่วยเดิน
- 25% ของผู้ป่วยมีความพิการตลอดชีวิตและอาจจะต้องนอนติดเตียง
- 22% ต้องได้รับการช่วยเหลือในการขับถ่าย
- 11% ผู้ดูแลต้องให้การช่วยเหลือผู้ป่วยในการอาบน้ำ
- 5 % ต้องได้รับการช่วยในการรับประทานอาหาร
นอกจากนี้ต้องให้ความสำคัญในการป้องกันและการดูแลไม่ให้ผู้ป่วยล้ม คอยพยุงให้ผู้ป่วยมีการทรงตัวที่ดี ตรวจสอบผลข้างเคียงของยาที่ทำให้มึนงง ปวดศรีษะ เดินเซ หรือไม่ รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุ ที่จะส่งผลให้เกิดภาะวะกระดูกหักซ้ำได้
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
ปัจจัยที่มีผลต่อมวลกระดูกนั้นมีหลายอย่าง อาทิ อายุมาก พันธุกรรม ภาวะหมดประจำเดือน โรคเรื้อรังบางอย่าง การใช้ยาบางอย่าง เป็นต้น โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นผู้ป่วยมักไม่รู้ว่าตนเองมีภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน อาการที่อาจเป็นสัญญาณกระดูกพรุน อาทิ ปวดหลัง หลังค่อม ตัวเตี้ยลง เป็นต้น
โรคกระดูกพรุนจำเป็นต้องได้รับการดูแลและรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด การผ่าตัดหรือดามกระดูกที่หักไม่สามารถรักษาโรคกระดูกพรุนหรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหักที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้
วิธีรักษาโรคกระดูกพรุน
แนวทางการรักษานั้นมี 2 วิธีคือ
- การรักษาโดยการใช้ยา ได้แก่ ยาต้านการสลายกระดูก และยากระตุ้นการสร้างกระดูก
- การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูง เสริมวิตามินดี รักษาโรคที่มีผลให้สูญเสียมวลกระดูกได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เช่น กินเหล้า สูบบุหรี่ และควรออกกำลังการกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ