บ้างานอย่างเต็มใจ โรคใหม่ของบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศไฟแรง

บ้างานอย่างเต็มใจ โรคใหม่ของบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศไฟแรง

บ้างานอย่างเต็มใจ โรคใหม่ของบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศไฟแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“บ้างาน” คำๆ นี้อาจจะฟังดูเป็นคำชมของใครบางคน ที่คิดว่าการบ้างาน นำมาซึ่งโบนัสก้อนโตในช่วงท้ายปี และความเอ็นดูของหัวหน้าที่มีต่อเรามากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ แต่อันที่จริงแล้วการบ้างานอาจไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คุณคิด เพราะนอกจากจะทำให้คุณเสียสุขภาพ หน้าแก่ก่อนวัย และความเครียดสะสมแล้ว อาจส่งผลถึงคุณภาพของงานที่ลดลงโดยไม่รู้ตัว เหมือนที่เราเห็นในชีวิตของ “ยุ่น” พระเอกในภาพยนตร์เรื่อง “Freelance” ก็เป็นได้ แต่อาการ “บ้างานอย่างเต็มใจ” เป็นอย่างไร อะไรคืออาการ “เต็มใจ” มาหาคำตอบกันค่ะ


“บ้างานอย่างเต็มใจ” หมายถึง อาการทำงานหนักโดยไม่รู้ตัว มีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว และไม่ยอมหยุดทำงาน หรือลดปริมาณลง ยังคงลุยงานอย่างต่อเนื่อง และไม่รู้สึกง่วงหรือเพลียแต่อย่างใด เพราะคุณสนุกกับการทำงาน คุณกำลังทำงานที่คุณรัก ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก ยิ่งติดลม แต่กระนั้นร่างกายก็เหนื่อยล้าสะสม รวมถึงสมองที่ส่วนหนึ่งก็เหนื่อยล้าเต็มที แต่สมองอีกส่วนหนึ่งก็ยังผลักดันร่างกายให้ทำงานต่อไป จึงเป็นสาเหตุให้สมองมีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว และร่างกายไม่สามารถปรับสภาพให้สมดุลกับสมองได้ จึงทำให้มีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น

5 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังมีอาการ “บ้างานอย่างเต็มใจ”


1. นอนไม่หลับ
ด้วยความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว คุณอาจคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้มากเกินไปจนสมองคอยทำงานอยู่ตลอดโดยอัตโนมัติ เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณข่มตานอนไม่หลับ แม้คุณจะรู้สึกง่วงมากแค่ไหน แต่พยายามปิดไฟ ปิดม่าน จุดเทียนหอม หรือแม้กระทั่งฟังบดสวดมนต์ในห้องนอนแล้วก็ไม่ช่วยอะไร เป็นเพราะสมองของคุณยังไม่ยอมหยุดทำงานนั้นเอง


2. ปวดหัว ปวดไหล่ ปวดท้ายทอย ปวดข้อมือ ปวดท้อง ปวดขา ฯลฯ
ไม่ว่าจะปวดส่วนไหนของร่างกาย ก็เป็นสัญญาณที่สามารถบ่งบอกว่าคุณอาจเป็นพวกบ้างานได้เช่นกัน ปวดหัวอาจเกิดจากการใช้งานสมองและดวงตามากเกินไป ปวดไหล่ ท้ายทอย ข้อมือ เกิดขึ้นจากการนั่งทำงานบนโต๊ะนานๆ รวมไปถึงการปวดขาจากท่านั่งที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานานอีกด้วย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการปวดท้อง เนื่องจากการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา จนเป็นสาเหตุให้เป็นโรคกระเพาะ หรือกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งโรค


3. ขี้หลงขี้ลืม
เรื่องง่ายๆ ที่ทำอยู่เป็นปกติทุกวันก็อาจจะลืมได้ง่ายๆ เช่น ลืมหยิบกุญแจบ้าน ลืมที่จอดรถ วางของทิ้งไว้แล้วลืม หรือแม้กระทั่งลืมพาสเวิร์ดในการล็อคอินต่างๆ หลงลืมแบบนี้อันตรายมากๆ นะคะ


4. หน้ามืด เป็นลม เพราะทานอาหารไม่เพียงพอ
เพราะมีความเครียดสะสม จนไม่อยากอาหาร จึงไม่ยอมทานอาหารให้เพียงพอต่อร่างกาย และทำให้ไม่มีพลังงานไปบำรุงร่างกายนั่นเอง จึงทำให้มีอาการเป็นลม หน้ามืด หรือท้องไส้ปั่นป่วนจนจนคลื่นเหียนอาเจียนได้ ในบางรายที่อาการหนักจริงๆ ก็อาจจะช็อคจนเป็นลมได้ด้วย


5. ขี้เหวี่ยง ขี้วีน
เมื่อร่างกายขาดพลังงานและการพักผ่อนที่เหมาะสม รวมทั้งความตึงเครียดที่วนเวียนอยู่ในสมองตลอดเวลา จึงเป็นเหตุให้เราแสดงอากัปกิริยาที่แปลกออกไปจากเดิม เกิดเป็นอาการ mood swing หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันรวดเร็วได้ ซึ่งหากคนรอบข้างไม่เข้าใจเรา ก็อาจมีโอกาสเกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงานได้เช่นกัน

อันตรายจากความ “บ้างาน”
แน่นอนว่าโรคภัยมหาศาลถามหาแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นไมเกรน โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เบาหวาน โรคหัวใจ ความดัน และอื่นๆ ที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ และขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม นอกจากนี้เมื่อร่างกายของเราไม่แข็งแรงสมบูรณ์ คุณภาพของงานที่เราทำก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย คราวนี้เสียทั้งกาย เสียทั้งใจกันเลยทีเดียว

ถ้าไม่อยากได้ชื่อว่า “บ้างาน”....
หมั่นสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ว่ามีสัญญาณบ่งบอกถึงอาการบ้างานตาม 5 ข้อข้างต้นหรือไม่ หรืออาจจะเช็คกับเพื่อนร่วมงานว่าช่วงนี้คุณดูปกติดี หรือมีอาการอะไรผิดปกติหรือไม่ แล้วอย่าลืมหาเวลาพักผ่อนบ้าง แบ่งเวลามาออกกำลังกาย พักผ่อนอยู่บ้าน ไปเที่ยว ทานอาหารอร่อยๆ สังสรรค์กับเพื่อน หรือทำกิจกรรมคลายเครียดที่คุณชื่นชอบ เท่านี้คุณก็จะรอดพ้นจากอาการ “บ้างาน” ได้ง่ายๆ แล้วล่ะค่ะ

อย่าลืมนะคะว่าเรายังมีเพื่อน พ่อแม่พี่น้อง และคนที่เรารักอีกมากมายที่เราต้องใส่ใจและดูแลด้วย เพราะฉะนั้นการรักษาสุขภาพของคุณให้ดีอยู่เสมอ เท่ากับว่าคุณเพิ่มโอกาสที่จะดูแลคนที่คุณรักได้อย่างเต็มที่ด้วยนะคะ อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมคนรอบข้างไปเสียหมดล่ะ หันกลับมาอีกทีคุณอาจไม่เหลือใครก็ได้นะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook