สาเหตุ "ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดเรื้อรัง" เสี่ยง "ออฟฟิศซินโดรม"

สาเหตุ "ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดเรื้อรัง" เสี่ยง "ออฟฟิศซินโดรม"

สาเหตุ "ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดเรื้อรัง" เสี่ยง "ออฟฟิศซินโดรม"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาการปวดบ่า ปวดไหล่ หรือเรียกติดปากกันว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม” เป็นอาการที่เชื่อว่าแทบทุกคนที่มีอายุมากขึ้น ต้องได้สัมผัส จะมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าปวดเรื้อรังมากน้อยขนาดไหน ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้ พบเจอได้มากในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ  และคนที่มีท่าทางการเดิน ยืน นอน นั่ง ที่ไม่ถูกต้อง ล้วนส่งผลกับอาการปวดจนลุกลามเป็นอาการปวดเรื้อรังได้

สาเหตุของอาการปวดบ่า ปวดไหล่

  1. การเกร็งของกล้ามเนื้อ มักเกิดกับคนที่ต้องทำงานนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ  หรือกับคนที่ต้องขับรถระยะทางไกลบ่อยๆ ต้องยกแขนจับพวงมาลัยเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อช่วงบ่าจะเกิดการเกร็ง ถ้าเกร็งนานๆบ่อยๆ กล้ามเนื้อจะไม่คลาย และทำให้เกิดการปวด ตึง เมื่อย ถ้ากล้ามเนื้อเกร็งมากๆ จนตึงขึ้นไปถึงขมับอาจทำให้ปวดหัว และสามารถตึงลามไปถึงสะบักได้

  2. สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ไม่เหมาะสมกับการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน

  3. การใช้งานกล้ามเนื้อที่ผิดวิธี เช่น การเล่นกีฬาหนักๆ เช่นกีฬาฟุตบอล กีฬารักบี้ เป็นต้น

  4. มีสภาพร่างกายที่อาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วย เช่น เครียดจากงาน การอดอาหาร พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายต้องแบกรับความตึงเครียดไม่ผ่อนคลาย

 

การรักษาอาการปวดบ่า ปวดไหล่เบื้องต้น

คนที่มีอาการ ปวดบ่า ปวดไหล่ เรื้อรัง อาจจะต้องไปให้หมอทำการวินิจฉัยรักษาให้รู้แน่ชัดว่า เป็นอาการจากการนั่งทำงาน อาการออฟฟิศซินโดรม หรือมีปัญหาจากกระดูกต้นคอเสื่อม หมอนรองกระดูกผิดปกติกันแน่เพราะหากมีปัญหาที่หมอนรองกระดูก จำเป็นต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี

โดยหากเป็นในช่วงเริ่มต้น หรืออาการไม่มาก หมออาจจะให้ยาเพื่อรักษา แต่บางครั้งอาจจะจำเป็นต้องทำการผ่าตัดร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่คนไข้ที่มีอาการปวดไหล่ และ ปวดบ่าเรื้อรังมานาน แต่ไม่ไปรักษา เพราะคิดว่าอาการที่ตัวเองเป็นนั้นไม่รุนแรง ซึ่งกว่าจะมาถึงมือหมออาการก็เป็นหนักมากแล้ว ดังนั้นถ้ามีอาการปวดไหล่ ปวดบ่าเรื้อรังไม่หายสักที ควรรีบไปหาหมอดีกว่าค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook