อาการเบื้องต้นโรคผิวหนัง "แพ้เหงื่อ" พร้อมวิธีป้องกัน
การแพ้เหงื่อเป็นอาการหนึ่งของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง โดยจะแสดงอาการออกมาในรูปแบบ ผด ผื่น คัน มีผื่นแดงตามร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่น ออกกำลังกาย ทำงานกลางแจ้งจึงควรดูแลและป้องกันภูมิแพ้ผิวหนังอย่างถูกวิธี
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การแพ้เหงื่อเป็นอาการหนึ่งของโรคภูมิแพ้ผิวหนังซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยมีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ได้มากกว่าปกติ โดยความร้อนเป็นตัวเร่งให้ต่อมเหงื่อในร่างกายขับเหงื่อออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้อุดตันบริเวณต่อมเหงื่อเกิด ผด ผื่น คัน มีผื่นแดง เกิดอาการแพ้ขึ้นทางผิวหนัง ผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีประวัติภายในครอบครัวเป็นภูมิแพ้แบบต่างๆเช่น หวัดเรื้อรัง แพ้ฝุ่นไข้ละอองฟางหรือหอบหืด ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจวัตรประจำวัน เช่น ออกกำลังกาย ทำงานกลางแจ้ง
พญ. มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของโรคค่อนข้างจะมีรูปแบบเฉพาะสังเกตได้ง่าย โดยจะมีผิวแห้งและคัน มีผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณของร่างกาย ดังนี้
- ช่วงอายุ 2 เดือน – 2 ปี มีผื่นผิวหนังอักเสบแดงบริเวณแก้ม หน้าผาก เป็นบริเวณที่มีการเสียดสีในช่วงที่เด็กยังคว่ำหรือคลาน แต่บางคนอาจมีเพียงแค่รอยด่างขาวๆ ที่แก้มเรียกว่า กลากน้ำนมอาการผิวแห้งคันจะกระตุ้นให้เด็กเกา ยิ่งเกาอาการอักเสบยิ่งมากขึ้น จนบางรายอาจมีการติดเชื้อที่ผิวหนังซ้ำ
- ช่วงอายุ 4 - 10 ปี รอยผิวหนังอักเสบจะเลื่อนไปสู่ตำแหน่งของข้อพับบริเวณแขนและขา ข้อพับเข่า ข้อพับข้อศอกข้อมือ หรือข้อเท้า ผื่นจะเป็นทั้งสองข้างซ้ายขวา แต่ความรุนแรงของการอักเสบอาจไม่เท่ากัน บางรายเป็นตุ่มคันเล็ก ๆ และเกาจนเยิ้มแฉะ บางรายอาจจะมีผิวหนังที่หนาตัวขึ้นเป็นปื้นและคันมาก พอพ้นช่วงนี้แล้วส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไป เหลือแต่อาการผิวแห้ง
- ช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีอาการผิวแห้ง คันและแพ้ง่าย บางรายมือแตกระแหงจนมีเลือดออกซิบๆ และจะแพ้ได้ง่าย ทั้งนี้โรคภูมิแพ้ผิวหนังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดและไม่ติดต่อแต่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้
อย่างไรก็ตาม อาจลดความรุนแรงของโรคได้โดยการดูแลและปฏิบัติตนให้ถูกวิธี ดังนี้
- หลีกเลี่ยงสถานที่มีอากาศร้อนอบอ้าว การอาบน้ำร้อนจัด หรือเปิดแอร์เย็นจัด
- หลีกเลี่ยงความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ทำความสะอาดที่นอนและเครื่องนอนอยู่เสมอ เพื่อขจัดและป้องกันไรฝุ่น
- อาบน้ำชำระร่างกายบ่อยๆ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำถูตัวทุกครั้งที่รู้สึกร้อน
- ใช้ยาทาแก้ผดผื่น เช่น คาลาไมน์ และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากมีผื่นแดง คันหรืออักเสบ อย่าซื้อยาใช้หรือหยุดยาเองในขณะที่ยังไม่หายดี จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผื่นเป็นๆ หายๆ และเรื้อรังยิ่งขึ้น