Google อาจทำให้คุณ “สมองเสื่อม” ได้มากขึ้น
เมื่อชีวิตใกล้ชิดเทคโนโลยีมากขึ้น ความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตก็มากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องนั่งจำเบอร์โทรศัพท์ เลขที่บ้านของเพื่อนอีกต่อไป บวกลบคูณหารในใจก็ไม่จำเป็น หรือแม้กระทั่งการหาคำศัพท์ในภาษาต่างประเทศ และข้อมูลอื่นๆ เราหาคำตอบได้เพียงปลายนิ้วคลิกผ่าน Google ที่ไม่ว่าจะหาข้อมูลอะไรก็เจอ
แต่การใช้ Google เป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงให้คุณ “สมองเสื่อม” ได้
ในรายงานการศึกษาเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ Google Effects on Memory: Cognitive Consequences of Having Information at Our Fingertips (ผลกระทบจาก Google ที่มีต่อความจำ : ผลลัพธ์จากกระบวนการคิด ของการได้รับข้อมูลผ่านปลายนิ้ว) ที่เก็บข้อมูลจากนักศึกษา พบว่าพวกเขาไม่สามารถจำข้อมูลต่างๆ ในอดีตได้ เพราะพวกเขามั่นใจว่าเป็นข้อมูลที่สามารถค้นหาได้ผ่าน Google
Christopher Winter นักประสาทวิทยาที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การที่สมองของเรารับรู้ว่า “ไม่ต้องจำข้อมูลเหล่านี้” เพราะสามารถค้นหาข้อมูลเหล่านั้นได้ง่ายๆ ทำให้สมองของเราไม่มีการเตรียมรับข้อมูลใดๆ เพิ่ม ไม่เตรียมให้ข้อมูลเหล่านั้นเป็น long-term memory หรือความจำระยะยาว และอาจลดขนาดของการรับข้อมูลให้กลายเป็นความจำด้วย (memory capacity)
ในขณะเดียวกัน หากเป็นการ “จำข้อมูล” ด้วยตัวเอง เหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่สามารถเข้าถึง Google ได้ง่ายๆ เราต้อง “จำ” ข้อมูลเหล่านั้นเป็น “ภาคบังคับ” แม้ว่าจะเกิดความเครียดขณะสร้างความจำเหล่านั้น แต่ในบางครั้งความเครียดเล็กน้อยนี้ก็ส่งผลดีให้สมองได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
5 สิ่งที่ทำให้ “สมอง” ทำงานได้ดีขึ้น
หากอยากให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น ลองทำตามเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ดู
- นอนให้มากขึ้น
สมองจะทำงานได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องเริ่มจากการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ด้วย แต่เรามักนอนน้อยลงๆ ทุกที จากรายงานการสำรวจพบว่า ในช่วงปี ค.ศ. 1950 หรือราวๆ ปี 2500 จากที่คนส่วนใหญ่เคยนอนเฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง เมื่อผ่านไป 20 ปี คนเริ่มนอนน้อยลงเหลือเพียงวันละ 7.5 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้การงีบหลับช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างวัน ยังส่งผลให้สมองทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย การนอนหลับ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพของสมองในส่วนของกระบวนการคิด วิเคราะห์ต่างๆ ดังนั้นถ้าอยากคิดงานได้ไวๆ อย่าลืมนอนให้เพียงพอ - ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ในปริมาณที่เหมาะสม)
ข้อดีของคาเฟอีนที่ซ่อนอยู่ในเครื่องดื่มที่เรามักดื่มในตอนเช้าอย่าง กาแฟ ไม่ได้ทำให้เราหายง่วงเท่านั้น แต่ยังทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระตุ้นการทำงานของสมองให้คิดไว ทำไวได้ จากรายงานการวิจัยระบุว่า หากเราดื่มกาแฟ 1 ถ้วยเล็กในตอนเช้า (ราวๆ 350 มิลลิลิตร) หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนราว 200 มิลลิกรัม จะช่วยให้เราพูดได้เร็ว และคล่องปากมากขึ้น สมองคิดไว ทำงานไวมากขึ้น และยังแม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากต้องการดื่มคาเฟอีนทุกวัน แต่ไม่แน่ใจว่าปริมาณเท่าใดถึงจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าให้โทษ ควรตรวจสุขภาพ และปรึกษาแพทย์เป็นคนๆ ไปจะดีกว่า - หยุดดื่มแอลกอฮอล์บ้าง
เราไม่ได้ให้คุณหยุดดื่มแอลกอฮอล์ถาวร (ถ้าทำได้ก็ดี แต่หากนานๆ ดื่มสักครั้งก็ยังพอไหว) แต่การดื่มแอลกอฮอล์ 15-20 แก้วต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงที่สมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ที่ดูแลในส่วนของระบบความจำในระยะยาวเสื่อมลง แม้ว่าแอลกอฮอล์จะไม่ได้ทำร้ายเซลล์สมอง แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบความจำ คิด วิเคราะห์ ทำงานด้อยประสิทธิภาพลง - ฝึกสมองอยู่เรื่อยๆ
คุณเคยรู้สึกไหมว่า ช่วงที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ สามารถจดจำบทเรียน คิดคำนวณตามโจทย์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ในวัยทำงานที่อาจละทิ้งสิ่งที่เคยร่ำเรียนไป ไม่ได้ทบทวน ไม่ใช้ในการทำงานในแต่ละวัน อาจทำให้เราหลงลืมสิ่งที่เราเคยเรียนมาไปมาก รวมถึงการใช้สมองในการจดจำ คิด และวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ อีกด้วย คุณสามารถฝึกสมองได้ง่ายๆ เพียงเล่นเกมที่ช่วยให้เราฝึกคำนวณ ฝึกแก้ปัญหา จำคำศัพท์ หรืออ่านหนังสือที่มีสาระน่ารู้ต่างๆ บ้าง - มีเพศสัมพันธ์ (ตามความเหมาะสม)
งานวิจัยเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาที่ตีพิมพ์ใน Journals of Gerontology ทำการทดลองโดยให้ผู้ใหญ่ที่มีเพศสัมพันธ์รายสัปดาห์เป็นปกติ กับคนที่ไม่ค่อยได้มีเพศสัมพันธ์ทำข้อสอบวัดระดับความรู้ พบว่าผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำมีส่วนที่ได้คะแนนจากการทำสอบวัดระดับความรู้มากกว่า
นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาอีกฉบับ ที่ตีพิมพ์ใน Archives of Sexual Behavior พบว่าผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำตามปกติ สามารถนึกคำศัพท์ที่เคยใช้ในอดีตจากความทรงจำได้มากกว่าผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้มีเพศสัมพันธ์ นั่นจึงอาจมีความเป็นไปได้ว่า การมีเพศสัมพันธ์ช่วยให้สมองมีความจำที่ดีขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน 100% โดยมีการสันนิษฐานว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะการมีเพศสัมพันธ์ช่วยลดความตึงเครียดในสมองได้ จึงช่วยให้ภาวะทางอารมณ์ดีขึ้น ส่งผลต่อการทำงานของสมองในส่วนของความจำได้เช่นกัน
ถ้าใครจะใช้วิธีนี้ อย่าลืมดูวุฒิภาวะของตัวเองว่ามีความพร้อมแค่ไหน และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย