อาการแบบนี้ “เป็นหวัด” หรือ “ไซนัสอักเสบ”?
คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม อาการเหล่านี้สันนิษฐานได้ว่าเป็นหวัด แต่เหนือกว่าหวัดก็ยังมีไซนัสอักเสบ แล้วเราเป็นโรคอะไรกันแน่? ลองสังเกตความแตกต่างของ 2 โรคนี้กันดูดีกว่า
อาการของโรคหวัด หรือไข้หวัด (ธรรมดา) ที่พบได้บ่อย คือ
- ปวด มึนศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- คัดจมูก
- น้ำมูกไหล
- มีน้ำมูกใสๆ
- ไอ จาม
- เจ็บคอ
- มีไข้
อาการของไซนัสอักเสบ จะมีอาการคล้ายโรคไข้หวัด แต่มีอาการที่แตกต่าง หรือเพิ่มเติมที่พบได้บ่อย คือ
- ปวดใบหน้าบริเวณที่อักเสบ เช่น หัวตา หน้าผาก โหนกแก้ม รอบกระบอกตา
- รู้สึกคล้ายปวดฟันตรงซี่บน อาจปวดเพียงข้างเดียวหรือปวดทั้งสองข้างก็ได้ มักปวดมากขึ้นในช่วงเช้าหรือบ่ายและเวลาก้มศีรษะหรือเปลี่ยนท่า
- คัดจมูกตลอดเวลา
- พูดเสียงขึ้นจมูก
- มีน้ำมูกเป็นหนองออกข้นเหลืองหรือเขียว หรือมีเสมหะข้นเหลือง หรือเขียวไหลจากด้านหลังจมูกลงในคอ
- เจ็บคอ ระคายคอ เสียงแหบ
- ปวดหู หูอื้อ
- ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
- ความสามารถในการรับรู้กลิ่นหรือรสชาติลดลง
สาเหตุของไซนัสอักเสบ
- เป็นหวัดเรื้อรัง
- ภูมิแพ้
- การติดเชื้อของฟัน
- โรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคไอกรน โรคหัด
- ชอบใช้ยาพ่นจมูกโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ยาพ่นจมูกบางตัวทำให้เกิดภาวะติดยา และเยื่อจมูกบวมเรื้อรังได้
- โพรงหลังจมูกผิดปกติ เช่น เป็นริดสีดวงจมูก เนื้องอกในจมูก
- สูบบุหรี่จัดหรือการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น ได้รับมลพิษทางอากาศ
- การว่ายน้ำบ่อย หรือชอบดำน้ำลึกๆ
- ความดันอากาศรอบตัวเปลี่ยนแปลงแบบทันที เช่น ขณะเครื่องบินขึ้นหรือลงหรือการดำน้ำลึก
วิธีป้องกันไซนัสอักเสบ
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ มลพิษทางอากาศ ควันบุหรี่ และกลิ่นที่ผิดปกติ อยู่ในที่ ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีฝุ่นละออง ไม่มีเกสรดอกไม้ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือกระโดดน้ำ เมื่อ เป็นหวัด
- หลีกเลี่ยงภาวะอุณหภูมิแปรเปลี่ยนฉับพลัน เช่น การเข้าออกห้องปรับอากาศบ่อยๆ
- ไม่ใช้ยาพ่นจมูกโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- รับการตรวจโพรงจมูกโดยแพทย์ทางหู คอ จมูก ปีละ 1 ครั้ง
- ดูแลตนเองอย่าให้เป็นหวัด คัดจมูก
- ผู้ที่เป็นหวัด น้ำมูกหรือเสมหะในคอข้นเหลืองหรือมีสีเขียว เป็นหวัดต่อเนื่องกันนานผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการแสดงของโรคไซนัสอักเสบ