“นอนชดเชย” ในวันหยุด แก้ปัญหานอนไม่พอได้จริงหรือ?
วัยเรียน วัยทำงานที่ต้องอ่านหนังสือ ทำงานหามรุ่งหามค่ำในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์อยู่บ่อยๆ อาจจะคิดว่าไปนอนให้มากขึ้นเอาตอนวันเสาร์อาทิตย์น่าจะช่วยได้ จริงๆ แล้วมันสามารถนอนทดแทนเวลากันได้จริงหรือ?
ผลการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย Johns Hopkins ยืนยันว่าการนอนไม่พอระหว่างสัปดาห์ และหันมานอนชดเชยในช่วงวันหยุดแทนนั้น ไม่เป็นประโยชน์อะไรเพราะนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาการพักผ่อนไม่พอแล้ว ยังจะเพิ่มความเสี่ยงเรื่องความอ้วน โรคเบาหวาน รวมทั้งความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและอื่นๆ ได้ด้วย
>> 6 โรคอันตราย ที่มาจาก “นอนไม่พอ”
นักวิจัยศึกษาพฤติกรรมการนอนชดเชยในช่วงวันหยุด และพบว่ากลุ่มที่นอนไม่พอระหว่างสัปดาห์และพยายามนอนชดเชยนั้น มักจะมีปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะเมื่อเรานอนไม่พอ ร่างกายจะเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น ทำให้เราหิวบ่อยขึ้นและมักกินผิดเวลา
นอกจากนั้น การนอนไม่พอยังส่งผลต่อฮอร์โมนที่สำคัญสองตัวในร่างกายด้วย หนึ่งนั้นคือฮอร์โมน Leptin ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมและลดความอยากอาหาร ซึ่งเมื่อเรานอนไม่พอฮอร์โมน Leptin นี้จะลดลง ในขณะที่ฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งชื่อ Ghrelin ซึ่งเพิ่มความอยากอาหารจะมีระดับสูงขึ้น
แต่ที่สำคัญต่อสุขภาพมากกว่าน้ำหนักตัวหรือรอบเอว ก็คือการนอนไม่พอและพยายามหาเวลานอนชดเชยในช่วงสุดสัปดาห์ จะส่งผลต่ออินซูลินในกล้ามเนื้อและตับ ซึ่งก็หมายถึงว่าร่างกายของคนที่นอนไม่พอจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมน้ำตาลในเลือดและเพิ่มปัญหาความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานได้
แพทย์เตือนว่า การนอนไม่พอและพยายามนอนชดเชยในช่วงวันหยุดนั้น นอกจากจะทำให้ระบบการย่อยอาหารของร่างกายเสียสมดุล ทำให้เกิดปัญหาน้ำหนักตัวเพิ่ม มีไขมันเกาะที่บริเวณรอบเอว มีระดับโคเลสเตอรอลที่ผิดปกติ มีน้ำตาลในเลือดสูง และมีความดันโลหิตสูงแล้ว เรื่องเหล่านี้ยังเพิ่มโอกาสความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจสมองขาดเลือดหล่อเลี้ยง และโรคเบาหวานได้ด้วย
แพทย์แนะนำว่าผู้ใหญ่โดยทั่วไปต้องการเวลานอนอย่างน้อยคืนละ 7 ชั่วโมง และมากกว่านั้นสำหรับเด็ก