“ฮีโมฟีเลีย” โรคเลือดออกง่าย ภัยเงียบจากพันธุกรรมที่ควบคุมได้

“ฮีโมฟีเลีย” โรคเลือดออกง่าย ภัยเงียบจากพันธุกรรมที่ควบคุมได้

“ฮีโมฟีเลีย” โรคเลือดออกง่าย ภัยเงียบจากพันธุกรรมที่ควบคุมได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคฮีโมฟีเลีย หรือโรคเลือดออกง่าย เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ทำให้เด็กหลายคนเป็นตั้งแต่กำเนิด หากมีอาการเลือดออกมากเกินไป อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ จึงควรเรียนรู้วิธีควบคุมโรคให้ดีก่อนสายเกินไป


โรคฮีโมฟีเลีย คืออะไร?

รศ.พญ. ดารินทร์ ซอโสตถิกุล หัวหน้าสาชาวิชาโลหิตวิทยา และมะเร็งเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า โรคฮีโมฟีเลียเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และมักพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง


อาการที่สังเกตได้ของโรคฮีโมฟีเลีย

อาการของโรคฮีโมฟีเลีย คือ เลือดออกง่าย แต่หยุดยาก โดยมีอาการที่สังเกตได้ ดังนี้

  • ในเด็กเล็ก หรือเด็กแรกเกิด มีอาการเลือดออกในสมองหลังคลอด

  • ในเด็กเล็ก ฉีดวัคซีนแล้วพบรอยฟกช้ำง่ายกว่าเด็กอื่น และใช้เวลานานกว่าจะหาย

  • อุ้มเด็กแล้วเห็นรอยช้ำตามที่มือที่อุ้มเด็ก

  • มีรอยฟกช้ำดำเขียวง่าย เกิดจาดการกระทบกระแทกที่ไม่รุนแรง และอาจเกิดขึ้นเอง

  • เลือดออกมาข้อ หรือในกล้ามเนื้อลึกๆ เมื่อหกล้ม

  • หากรุนแรงอาจมีเลือดออกในสมอง

  • หากเกิดอุบัติเหตุ อาจเสี่ยงเสียชีวิตได้


ประเภทของโรคฮีโมฟีเลีย

โรคฮีโมฟีเลีย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • ฮีโมฟีเลีย เอ

  • ฮีโมฟีเลีย บี

โรคฮีโมฟีเลีย เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายขาดโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัว ที่เรียกว่า แฟคเตอร์ 8 และ แฟคเตอร์ 9 ตามลำดับ เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมเพศชาย จึงพบได้บ่อยได้เพศชาย หากสงสัยว่าลูกหลานป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลียหรือไม่ สามารถพามาตรวจกับแพทย์ โดยเจาะเลือดหาแฟคเตอร์ 8 และแฟคเตอร์ 9 หากมีปริมาณแฟคเตอร์ 8 และ 9 น้อยกว่าปกติ ทีมแพทย์จะสามารถวินิจฉัยได้ต่อว่าเป็นโรคฮีโมฟีเลียหรือไม่ ชนิดใด และรุนแรงระดับใด


วิธีรักษาโรคฮีโมฟีเลีย

  1. รักษาแบบป้องกัน : เติมแฟคเตอร์ 8 และ 9 ที่ผู้ป่วยขาดทุกสัปดาห์ ทำให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนเด็กทั่วไปได้

  2. รักษาเมื่อมีอาการ : เมื่อไรก็ตามที่มีเลือดออกในข้อ หรือในกล้ามเนื้อลึกๆ แพทย์จะเติมแฟคเตอร์ 8 และ 9 เพื่อให้เลือเหยุดไหล

  3. หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ของมีคม

  4. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ลึกการออกกำลังกายที่มีความเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บได้น้อย เช่น ว่ายน้ำ เดินเล่น เป็นต้น

  5. ดูแลสุขภาพกาย และใจให้แข็งแรง


หากสงสัยว่าบุตรหลานเป็นโรคฮีโมฟีเลียหรือไม่ สามารถพาบุตรหลานมาตรวจร่างกายได้ที่คลินิกผู้ป่วยนอก แผนกเด็ก ตึก ภปร. ชั้น 9 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook