“มันหมู” อาหารสุขภาพอันดับ 8 ของโลกจริงหรือ? ควรกินอย่างไรให้เหมาะสม?
เป็นข่าวมานานแล้วสำหรับการเปิดเผยของนักวิจัยถึง 100 อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดในโลก ที่เป็นที่สนใจของชาวไทยหลายคนคงจะเป็นที่อันดับ 8 เป็น “มันหมู” อาหารที่แพทย์หลายคนเคยบอกเอาไว้ว่าอย่ารับประทานมาก แต่ดันติดโผอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเสียอย่างนั้น แล้วเราควรรับประทานมันหมูหรือไม่?
สำนักข่าว BBC นำเสนอผลวิจัยจากทีมนักวิทยาศาตร์ที่วิจัยอาหารกว่า 1,000 ชนิด เพื่อวัดคุณค่าทางโภชนาการของอาหารแต่ละชนิดที่คนทั่วไปรับประทาน เแสวงหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดสำหรับประชากรโลก แล้วเผยแพร่ลงในวารสาร The Plos One ปรากฏว่า 1 ใน 10 อาหารที่มีโภชนาการสูงที่สุดในโลก คือ "มันหมู" ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาหารดีต่อสุขภาพอันดับ 8 ของโลก ด้วยคะแนน 73 จาก 100 คะแนน
คุณค่าทางอาหารของ “มันหมู”
ทีมนักวิจัยให้เหตุผลว่ามันหมู เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีและแร่ธาตุหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่ามันเนื้อและมันแกะด้วย แม้ว่าจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ผลวิจัยนี้ได้รับการรับรองโดยนักโภชนาการจากสิงคโปร์ ซึ่งยืนยันว่ามันหมูประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมากถึงร้อยละ 60 และยังมีกรดโอเลอิค ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งดีต่อหลอดเลือดหัวใจและช่วยบำรุงผิว รวมถึงช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายด้วย
ช้าก่อน! อย่าเพิ่งรีบไปซื้อมันหมูมากิน
ถึงแม้ว่ามันหมูจะมีคุณค่าทางสารอาหารครบ แต่เราก็ต้องบริโภคให้พอดี เพราะมันหมูยังเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง หากรับประทานมากเกินไปจะทำให้เสี่ยงไขมันอุดตันเส้นเลือดได้เช่นกัน
รับประทานมันหมูให้ปลอดภัย
- หากคิดจะรับประทานมันหมู ควรบริโภคส่วนเนื้อ และรับประทานคู่กันกับผัก
- ใช้วิธีต้ม หรือผัด มากกว่าการย่าง หรือทอด
- ไม่ควรบริโภคหมูที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆ เช่น แฮม โลโลน่า ไส้กรอก ฯลฯ
- ไม่ควรบริโภคมันหมูมากเกินไป โดยกำหนดว่าไม่เกิน 100 กรัมต่อมื้อ ไม่เกินวันละครั้ง สัปดาห์ละไม่เกิน 3 วัน