11 วิธีป้องกัน "สมองเสื่อม" ในผู้สูงอายุ
ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ หากพบความผิดปกติต้องรีบมาพบแพทย์ บางส่วนสามารถแก้ไข และจำนวนมากชะลอโรคได้ถ้าพบระยะแรก พร้อมแนะ 11 วิธีป้องกันไม่ให้สมองเสื่อม
สมองเสื่อม คืออะไร?
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า อาการสมองเสื่อมคือภาวะที่มีการสูญเสียความสามารถทางสมอง เช่น ความจำ การรับรู้ ความเข้าใจ การใช้ภาษา ทิศทาง การใช้เหตุผลและการแก้ปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมและบุคลิกภาพ โดยมีผลกระทบต่อความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวันและการเข้าสังคม และสมองเสื่อมเป็นภาวะที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นตามภาวะสังคมสูงวัย
ในอดีตเรามักเชื่อกันว่าอาการหลงลืมเป็นเรื่องปกติของคนสูงอายุเป็นการหลงลืมตามวัย แต่ความเชื่อดังกล่าวไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ยังมีผู้สูงอายุส่วนหนึ่งที่มีอาการสมองเสื่อม หากญาติหรือคนใกล้ชิดให้ความสำคัญในการสังเกตความผิดปกติและรีบนำมาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย บางส่วนสามารถแก้ไขได้และจำนวนมากชะลอโรคได้ถ้าพบในระยะแรก
สาเหตุของโรคสมองเสื่อม
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของโรคสมองเสื่อมเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ เช่น การเสื่อมของเซลล์สมอง ขาดวิตามินบี 1 หรือบี 12 ติดเชื้อในสมอง การแปรปรวนของระบบเมตาโบลิกในร่างกาย เนื้องอกในสมอง เป็นต้น ซึ่งชนิดของโรคสมองเสื่อมที่พบมากที่สุดคือ อัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมอง
11 วิธีป้องกัน "สมองเสื่อม" ในผู้สูงอายุ
แม้สาเหตุบางอย่างของภาวะสมองเสื่อมจะยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด เช่น สมองเสื่อมอัลไซเมอร์ที่เกิดจากพันธุกรรม แต่พบว่าการป้องกันสามารถลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม ได้แก่
- เลือกอาหารที่เหมาะสม รับประทานให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์
- หลีกเลี่ยงกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
- ไม่สูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่ๆมีควันบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า
- พยายามฝึกสมองให้คิดบ่อยๆ เช่น อ่านและเขียนหนังสือบ่อยๆ เล่นเกมส์ตอบปัญหา นับเลขถอยหลัง
- หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
- พบปะพูดคุยกับผู้อื่นบ่อยๆ หากิจกรรมเพื่อคลายเครียด เช่น เข้าชมรมผู้สูงอายุ เป็นจิตอาสาในโรงพยาบาล
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- ถ้ามีโรคประจำตัวต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ นอกจากรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์แล้วต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมอาการของโรคร่วมด้วย โดยเฉพาะโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
- ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่อสมอง โดยเฉพาะการหกล้ม