“น้ำเซเลอรี่” กับประโยชน์-โทษที่ควรทราบก่อนดื่ม

“น้ำเซเลอรี่” กับประโยชน์-โทษที่ควรทราบก่อนดื่ม

“น้ำเซเลอรี่” กับประโยชน์-โทษที่ควรทราบก่อนดื่ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“น้ำเซเลอรี่” หรือน้ำขึ้นฉ่ายคั้นสดกำลังเป็นที่นิยมของสายเฮลธ์ตี้ทั้งหลายในขณะนี้ โดยได้รับการแนะนำต่อๆ กันมา รวมถึงโฆษณาว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ให้พลังงานต่ำ และสารอาหารสูง จึงเป็นที่นิยมสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก แต่ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์มาก ก็ยังมีโทษที่ควรทราบก่อนซื้อมาดื่มกันด้วย


ประโยชน์ของน้ำเซเลอรี่

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าจากกระแสการดื่มน้ำเซเลอรี่ หรือ น้ำขึ้นฉ่ายฝรั่งที่กำลังได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพ เพราะมีประโยชน์ดังนี้

  1. ขึ้นฉ่าย เป็นผักที่ให้พลังงานต่ำ แต่มีสารอาหารสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

  2. ขึ้นฉ่ายมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ที่มีฤทธิ์อ่อนในการขับปัสสาวะออกจากร่างกาย ช่วยลดอาการบวมน้ำ

  3. ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะหัวใจ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวขาดเลือดได้

  4. ช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่สมดุลโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

  5. หากเลือกกินขึ้นฉ่ายแบบสดๆ จะทำให้ได้รับวิตามินซีสูงที่ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานแบคทีเรีย และไวรัสที่จะทำให้เกิดโรคหวัด โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน


อันตรายจากน้ำเซเลอรี่

เนื่องจากขึ้นฉ่ายมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตจึงควรกินอย่างระมัดระวัง เพราะหากกินในปริมาณมากอาจทำให้ได้รับปริมาณโพแทสเซียมจากเซเลอรี่ที่มากเกินไป


คำแนะนำในการดื่มน้ำเซเลอรี่

  1. สามารถดื่มน้ำเซเลอรี่ได้ แต่ไม่ควรดื่มบ่อยในปริมาณที่มากเกินไป

  2. ควรปั่นน้ำเซเลอรี่ผสมกับผัก และผลไม้อื่นเพื่อให้ได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่เหมาะสม เพราะการกินอาหารซ้ำๆ จะทำให้เราได้รับประโยชน์จากอาหารเพียงชนิดเดียว จึงควรสลับหมุนเวียนเมนูกับอาหารชนิดอื่นด้วย

  3. นอกจากการนำมาปั่นแล้วสามารถนำมาปรุงประกอบอาหารต่างๆ ได้ด้วย เช่น หั่นเป็นแว่นใส่สลัดหรือต้มเป็นซุป ก็จะทำให้กินได้ง่ายขึ้น

  4. ก่อนนำเซเลอรี่มาปั่นหรือปรุงประกอบอาหารควรล้างด้วยน้ำไหล โดยแช่ในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลผ่านและคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาทีให้สะอาด สามารถลดสารเคมีตกค้างในผักได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook