"ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด" นักบิน-นักดำน้ำ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

"ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด" นักบิน-นักดำน้ำ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

"ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด" นักบิน-นักดำน้ำ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตือนประชาชนและกลุ่มอาชีพ เช่น นักบิน นักประดาน้ำ ควรตระหนักภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ


ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด คืออะไร?

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือภาวะปอดรั่ว คือ ภาวะที่มีอากาศเข้าไปแทรกอยู่ภายในช่องปอดจนเบียดเนื้อปอด ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่และทำงานได้ไม่ดี ส่งผลต่อการหายใจของผู้ป่วย เป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต 


ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด เกิดจากสาเหตุใด?

เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ การบาดเจ็บที่กระทำต่อปอดเช่น อุบัติเหตุ การผ่าตัด การส่องกล้องหลอดลมเพื่อตัดชิ้นเนื้อ เป็นต้น หรือเกิดจากโรคหรือสภาวะที่ก่อให้เกิดลมในช่องเยื่อหุ้มปอด เช่น โรคถุงลมโป่งพอง ปอดติดเชื้อ มีซีสต์ในปอด การสูบบุหรี่ และอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ สัญญาณเตือน หรือภาวะใดๆ ซึ่งสามารถถ่ายทอดได้ทางกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ยังพบว่าเพศชายมีแนวโน้มเกิดภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอดมากกว่าเพศหญิง 3-6 เท่า และผู้ที่เคยมีภาวะดังกล่าวมาก่อนมีความเสี่ยงที่จะเป็นซ้ำได้อีก


อาการของภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่แสดงถึงภาวะดังกล่าว ได้แก่

  • เจ็บหน้าอกบริเวณข้างที่มีความผิดปกติ

  • หอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวก หรือแน่นหน้าอก

  • หากมีปริมาณลมเพิ่มมากขึ้นจะทำให้ปอดแฟบลงส่งผลให้มีการหายใจลำบาก และอาจเกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิต

ทั้งนี้อาการและความรุนแรงมีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรงมาก และจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอัตราเร็วในการสะสมของลมที่รั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด รวมถึงความผิดปกติของปอดเดิมของผู้ป่วย


กลุ่มเสี่ยงภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด

กลุ่มอาชีพที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่

  • นักบิน

  • พลร่ม

  • นักประดาน้ำ

  • นักดำน้ำ หรือผู้ที่ต้องดำน้ำลึกหรือขึ้นที่สูง

เนื่องจากในน้ำลึกและบนที่สูงมีแรงดันอากาศเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะนี้ตามมา 


การรักษาภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด

สำหรับการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ การแสดงอาการ และขนาดของลมที่รั่ว โดยเริ่มจากติดตามอาการในกรณีที่อาการและขนาดของลมที่รั่วน้อย การให้ออกซิเจนขนาดเข้มข้นเพื่อเร่งอัตราการดูดกลับของลม การใช้เข็มดูดลมออก การใส่สายเพื่อระบายลมในกรณีที่อาการหนัก และการผ่าตัดในกรณีที่รักษาเบื้องต้นแล้วลมยังรั่วปอดไม่ขยายตัว นอกจากนี้ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยที่เคยรักษาตัวจากภาวะดังกล่าว คือ ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางทางอากาศยานและเลี่ยงกิจกรรมดำน้ำอย่างเด็ดขาดเป็นเวลา 1 ปี ห้ามยกของหนักประมาณ 6 สัปดาห์ เพราะความดันเปลี่ยนจะส่งผลต่อปอด และงดสูบบุหรี่เพื่อป้องกันการกำเริบซ้ำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook