อย. เตือน ครีมหน้าใสเถื่อน เสี่ยงหน้าพังถาวรเพราะสิวสเตียรอยด์
เรื่องผิวหน้าขาวใสไร้สิว เป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทำยากของสาวๆ (และหนุ่มๆ) หลายคนนะคะ ซึ่งการจะได้มาซึ่งผิวหน้าสวยใสเหมือนดารา บางทีก็ต้องแลกกับครีมบำรุง เซรั่ม หรือเทคโนโลยีผิวหนังหลักหลายพันหลายหมื่น คนธรรมดาหาเช้ากินค่ำแต่อยากสวยเลยหันหน้าไปพึ่งครีมหน้าใสหน้าขาวที่ประกาศขายกันตามอินเตอร์เน็ต กระปุกละหลักสิบหลักร้อย แต่โลกไม่ได้อยู่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เพราะครีมเหล่านี้อันตรายจนถึงขั้น “หน้าพัง” จากสิวสเตียรอยด์ไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว
Sanook! Health จึงถือโอกาสนี้อธิบายให้สาวๆ เข้าใจถึงอันตรายของครีมเถื่อนเหล่านี้กันค่ะ
สเตียรอยด์ คืออะไร?
ปกติแล้วสเตียรอยด์มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว เป็นฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากต่อมหมวกไต สเตียรอยด์ในร่างกายมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ คอร์ติซอล และ อัลโดสเตอโรน เมื่อออกกำลังกาย ร่างกายมีความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า มีบาดแผล ได้รับการผ่าตัด ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอลมากขึ้น เพื่อควบคุมสภาวะเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และบรรเทาอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ กล้ามเนื้อ และกระดูกอีกด้วย
สเตียรอยด์ อันตรายอย่างไร?
สเตียรอยด์ที่ทานหรือทากันอยู่นั้น เป็นสารสังเคราะห์ที่แพทย์จะเป็นคนจัดให้เพื่อรักษาอาการผื่นคัน ผิวหนังเฉพาะที่ หรือผู้ป่วยที่ร่างกายไม่สามารถสร้างสเตียรอยด์ได้เอง หากผลิตภัณฑ์เถื่อนที่มีสเตียรอยด์สังเคราะห์มากเกินไป จะกดสิวเอาไว้ให้ให้เกิดขึ้น หน้าเราจึงใสอยู่พักหนึ่ง แต่หากหยุดใช้สิวก็จะเห่อขึ้นมาเหมือนเดิม และส่วนใหญ่จะหนักกว่าเดิม และรักษายากเกว่าเดิม
องค์การอาหารและยา แนะวิธีสังเกตลักษณะสิวสเตียรอยด์
- เม็ดสิวจะเป็นในลักษณะเดียวกันหมด ขนาดก็ใกล้เคียงกัน หรืออยู่ในระยะเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นมาต่างเวลากัน
- มักเป็นสิวแดงๆ ที่ไม่มีหัวหนอง หรือไขมันอุดตัน
- สิวขึ้นเฉพาะบริเวณที่ทาครีม
- มีขนาดตั้งแต่เหมือนผดแดงๆ เล็กๆ ไปจนถึงเม็ดขนาดกลาง หรืออักเสบโตกว่าสิวปกติ
หลังจากใช้ครีมเถื่อนที่มีสารสเตียรอยด์มากๆ จนผิวหน้าบางลงแล้ว ก็จะเริ่มแพ้ง่าย ใช้อะไรก็แพ้ จนสิวประเภทอื่นค่อยๆ ตามมาทีหลัง มาหมดทุกประเภท ทั้งผื่นแดง สิวอักเสบ หัวหนอง
นอกจากครีมเถื่อนแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีสเตียรอยด์สูงอีก เช่น
- ยาแต้มสิว
- ยาทานแก้สิวอักเสบ
- ยาฉีดสิวตามคลินิก
ดังนั้นไม่ควรใช้ยาพวกนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
วิธีสังเกตว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ อาจมีสเตียรอยด์ผสมอยู่เป็นจำนวนมาก
- ใช้กับผิวหน้าได้ไม่นาน แต่เห็นผลชัดเจน หน้าใส ผ่อง สิวหายอย่างเหลือเชื่อ แต่พอหยุดใช้หน้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือหากใช้นานๆ แล้วหยุด ก็จะเป็นสิวเป็นผื่นมากกว่าเดิม
- รู้สึกหน้าแพ้ง่ายขึ้นมาก ทั้งๆ ที่แต่ก่อนผิวหน้าแข็งแรง และใช้อะไรก็ไม่แพ้ง่ายขนาดนี้
- ผิวหน้าใส แต่แอบเหี่ยวย่นง่าย เพราะสเตียรอยด์เข้าไปทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว
- มักมีลักษณะเหนียว ข้น มันๆ และส่วนใหญ่แบ่งบรรจุขายใสตลับเล็กๆ เพื่อขายในราคาถูกแล้วได้กำไร
วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์
1. หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายมีสเตียรอยด์ทั้งหมด
2. ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวให้มากที่สุด ช่วงนี้ผิวของคุณจะแพ้ง่ายมาก โฟมล้างหน้าที่แต่ก่อนใช้แล้วไม่เคยเป็นปัญหา อาจจะมีปัญหาเอาตอนนี้ก็ได้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเด็กอ่อนเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ควรค่อยๆ ลองใช้ทีละนิดเพื่อคอยเช็คอาการแพ้ด้วยทุกครั้ง
3. งดการแต่งหน้า หรือหากเลี่ยงไม่ได้ให้แต่งหน้าให้บางที่สุด แล้วรีบกลับบ้านมาล้างหน้าเลย ให้เครื่องสำอางอยู่บนผิวหน้าให้น้อยที่สุด
4. ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เลี่ยงอาหารรสจัด ของมันของทอด
5. ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น เพื่อรักษาความชุ่มชื่นของผิว
6. พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง
7. งดดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ เพราะทั้งสองอย่างทำให้ผิวแห้ง จนสิวเห่อได้
8. หากยังไม่ดีขึ้น ให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังตามสถาบัน หรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ (อย่าหนีเสือปะจระเข้)
อยากผิวดี อาจจะไม่มีทางลัดนะคะ เลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ อาจจะมีราคาสูงกว่าครีมเถื่อน แต่รับรองความปลอดภัยได้มากกว่า นอกจากนี้หากทานผัก ผลไม้ ออกกำลังกาย ก็ช่วยให้ผิวพรรณของคุณสดใสขึ้นได้ ขอให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของหน้าใสๆ อย่างปลอดภัยและยั่งยืนกันถ้วนหน้าค่ะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก เฟซบุ๊คเพจ FDA Thai (องค์การอาหารและยา), it-gateways.com, Acnedefend.blogspot.com
ภาพประกอบจาก istockphoto