“ภูมิแพ้แสงแดด” กับ 9 อาการที่ควรสังเกตก่อนเป็นโรคผิวหนัง
แสงแดดมาพร้อมกับแสงยูวีที่อาจทำร้ายผิวให้เสีย มีริ้วรอย และเกิดความหมองคล้ำได้ แต่ที่หลายคอาจยังไม่รู้ คือแสงแดดอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ นั่นคือ ภูมิแพ้แสงแดด
ภูมิแพ้แสงแดด คืออะไร ?
อ.พญ.ไอณภัค บุญทวียุวัฒน์ หน่วยผิวหนัง และแสงอาทิตย์ ตจวิทยา (ผิวหนัง) ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า แสงแดดมี UVA และ UVB ที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังของเราได้ทั้งในระยะสั้น และในระยะยาว
ในระยะสั้น แสงยูวีอาจทำให้เกิดอาการผิวไหม้ หรือ Sun Burn แสบ แดง สีผิวคล้ำลง หรืออาจมีฝ้า กระ เกิดขึ้นได้
ผลกระทบในระยะยาว แสงยูวีอาจทำให้ผิวแห้ง มีริ้วรอย ผิวบาง และอาจเสี่ยงมะเร็งผิวหนังได้
นอกจากนี้ยังมีอาการ “ภูมิแพ้แสงแดด” ที่ควรระวังอีกด้วย
อาการเสี่ยงภูมิแพ้แสงแดด
- มีอาการผิวไหม้แดดเมื่อเดินในสถานที่กลางแจ้งราว 5-7 นาที แม้ว่าจะเดินอยู่ในที่ร่ม ผิวหนังไม่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงก็ตาม
- มี “ตุ่มน้ำ” ขึ้นบริเวณผิวหนังที่โดนแดดเป็นประจำ เช่น หลังมือ แขนด้านนอก ใบหน้า หน้าอก หลังด้านบน เป็นต้น
- มีอาการผิวบาง เกี่ยวกับอะไรนิดหน่อยก็เป็นแผล เป็นรอย
- ปวดแสบปวดร้อนเมื่อโดนแสงแดด โดยอาจไม่มีอาการทางผิวหนัง
- เกิดตุ่มแดง ผื่นคัน เฉพาะผิวหนังที่อยู่นอกเสื้อผ้า และสัมผัสกับแสงแดด เมื่อเกาที่ผื่นจะมีน้ำใส ๆ ไหลออกมา อาจเป็นตุ่มคันบาง ๆ หรือเป็นตุ่มคันหนา ๆ
- สีผิวคล้ำขึ้นในบริเวณที่ผิวหนังโดดแดด หรืออาจเกิดเป็นสีผิวจาง และเข้ม ดูไม่สม่ำเสมอ พบจำนวนกระแดดมากกว่าปกติ
- มีอาการผิวไหม้แดดตั้งแต่เด็ก เช่น เข็นรถออกไปเดินเล่นนอกบ้านไม่ถึง 10 นาที แต่พบอาการผิวไหม้ เป็นต้น
- มีผื่น หรือมีอาการผิดปกติทางผิวหนังในช่วงหน้าร้อน และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วงหน้าหนาว และหน้าฝน
- สามารถมีอาการของผื่นได้ในระหว่างที่ออกแดดด หลังจากออกแดด และค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเข้ามาอยู่ในที่ร่ม
การวินิจฉัยอาการของโรคภูมิแพ้แสงแดด
แพทย์ผิวหนังอาจทำการตรวจผิวหนังภายนอก และอาจมีการตรวจเลือดเพิ่มเติมหากเข้าข่ายมีภาวะผิวแพ้แดด ทั้งการตรวจเลือดที่แยกภาวะโรคผิวหนังอื่น ๆ และการตรวจเลือดทางชีวเคมี รวมถึงการตรวจเลือดทางพันธุกรรมด้วย
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบด้วยแสงอาทิตย์ ด้วยเครื่องจำลองแสงอาทิตย์เทียม และทำการวินิจฉัยอีกครั้ง
วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้แสงแดด
- พยายามปกป้องผิวจากการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงให้มากที่สุด
- หากจำเป็นต้องตากแดดนาน ๆ ควรสวมเสื้อผ้าที่ช่วยปกป้องผิวจากการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง เช่น เสื้อแขนยาว มีปลอกแขน หมวกปีกกว้าง หรือหมวกที่มีผ้าปิดคอด้านหลัง รวมถึงเสื้อผ้าจากผ้าที่ได้รับการรับรองว่าสามารถป้องกันผิวจากรังสียูวีได้ โดยมีเลขระบุเอาไว้ว่าต้องมีค่า UPF 15-24 หรือ UPF 40-50+
- ใช้ครีมกันแดดกับผิวหนังส่วนที่อยู่นอกร่มผ้าเป็นประจำ โดยเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับความยาวในการปกป้องผิวจากแสงแดด อาจเป็นค่า SPF 50+ PA+++ ขึ้นไป หรืออาจมีข้อความระบุว่า “Broad Spectrum” หรือ UVA และทาซ้ำเมื่อทำกิจกรรมหนัก ๆ เช่น ว่ายน้ำ ลุยป่าจนเหงื่อท่วม เป็นต้น