แพทย์ผิวหนังเตือน อันตรายจากการ “สัก”
เตือนผู้นิยมสักให้คำนึงถึงความเสี่ยงและอันตรายของการสัก แนะให้คิดให้ดีก่อนสักเพราะอาจติดเชื้อและมีแผลเป็นติดตัวได้
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ผู้ที่มีความพึงพอใจหลงใหลในความสวยงามของสีสันและลวดลายของการสัก อาจยังไม่ตระหนักถึงอันตรายจากการสักที่จะมีผลต่อร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย
สาเหตุที่ทำให้การ “สัก” ในแต่ละครั้ง อาจเกิดอันตรายได้
- การแพ้สีที่ใช้ในการสัก
- เครื่องมือที่ใช้ไม่สะอาดเพียงพอ
- การดูแลตนเองหลังจากการสักที่ไม่ถูกต้อง จนเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ทั้งทางผิวหนังและระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
- การสักสีลงไปในผิวจะทำให้ผิวหนังเกิดบาดแผลและมีเลือดออก มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การแพ้สีย้อม การเกิดแผลเป็นนูน (Keloid) หรือการเปลี่ยนใจอยากลบออกในภายหลังซึ่งปัญหาการติดเชื้อจากการสักพบมากขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของการสักที่พบบ่อย คือ
- อาจมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส จากเข็มที่ไม่สะอาด
- กระบวนการดูแลแผลหลังการสักไม่สะอาดเพียงพอจนอาจเกิดเชื้อโรค
เชื้อโรคที่พบบ่อย มีทั้ง เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบี/ซี เชื้อ HIV เป็นต้น
ดูแลผิวหลังสักไม่ดีพอ ก็เสี่ยงอันตรายได้
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากมีความนิยมสักในตำแหน่งผิวหนังที่บอบบางเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการดูแลแผลหลังการสักยุ่งยากมากขึ้น เช่น บริเวณริมฝีปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศ รวมถึงอาจเกิดแผลเป็นจากการติดเชื้อหรือมีการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
วิธีดูแลผิวหนังหลังสัก
- สังเกตให้ดีว่าช่างสักจะต้องทาปิโตรเลียมเจลลี่ลงบนรอยสักบาง ๆ ก่อนปิดด้วยพลาสเตอร์หรือ หรือผ้าพันแผล เพื่อป้องกันไม้ให้แบคทีเรีย และเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่แผล และป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียดสีของผิวหนัง กับเสื้อผ้า
- หลัง 24 ชั่วโมง ค่อยเอาผ้าปิดแผลออก ล้างมือ ก่อนล้างแผลด้วยสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยย้ำสะอาด ซับแผลให้แห้ง
- ทาปิโตรเลียมเจลลี่ หรือขี้ผึ่งที่ช่วยป้องกันแบคทีเรียลงบนแผล และไม่ต้องปิดผ้าพันแผล
- ทำความสะอาดแผลอย่างต่อเนื่องวันละ 1-2 ครั้ง
- ถ้าสะเก็ดแผลขึ้น ไม่ควรแกะ ปล่อยให้หลุดเองตามธรรมชาติ
- หากมีอาการปวดบวมแดงอักเสบ ควรรีบพบแพทย์
ก่อนตัดสินใจสักผิวหนัง ควรคำนึงถึงผลดีผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการสัก รวมทั้งหาข้อมูลสถานประกอบการที่เชื่อถือได้ก่อนรับบริการ เพราะเมื่อสักผิวหนังไปแล้ว เกิดไม่ชอบใจรูปที่สักไว้ภายหลัง และต้องการลบรอยสักออกก็จะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายอีกมาก โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการลบรอยสักมากกว่าการสักหลายเท่า เช่น เราอาจจะเสียค่าสักเพียง 1,000 บาท แต่การลบรอยสักอาจเสียค่าใช้จ่ายแพงถึง 5,000 – 20,000 บาท การรักษาส่วนใหญ่ต้องทำหลายครั้งอย่างต่อเนื่องทำให้เสียเวลาเสียเงิน ที่สำคัญ การลบรอยสักโดยการใช้เลเซอร์ ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ผู้ที่ต้องการสักหรือลบรอยสัก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกสถานบริการที่ได้มาตรฐาน