กิน "ยาคุมกำเนิด" แล้ว แต่ยังอาจเสี่ยง "ตั้งครรภ์" หากกินไม่ถูกวิธี
การคุมกำเนิดเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องรู้ เพราะการพลาดตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่พร้อม ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเอง การคุมกำเนิดในปัจจุบัน มีหลากหลายวิธีที่มีประสิทธิภาพดีน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นการฝังยา หรือใส่ห่วงอนามัย ที่ออกฤทธิ์ได้นานหลายปี หรือการฉีดยาคุมและรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่ออกฤทธิ์สั้น ๆ
แต่ในบรรดาวิธีการทั้งหมด ตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็คือ การกินยาคุมกำเนิด เพราะสะดวก ใช้งานง่าย หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง ประสิทธิภาพดี และยังมีข้อดีอื่น ๆ เช่น ช่วยลดปริมาณประจำเดือน ลดปวดประจำเดือน ได้อีกด้วย
แต่ทราบหรือไม่ว่า ยาคุมกำเนิดไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 100 ในกลุ่มที่ใช้อย่างถูกต้อง จะมีโอกาสท้องเพียงร้อยละ 0.3 (หรือ 3 คนใน 1,000 คน) แต่ในผู้ใช้ทั่วไปโอกาสพลาดเกิดการตั้งครรภ์จะสูงขึ้น 30 เท่า (ร้อยละ 9) โดยความผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดมักเกิดจาก การใช้ยาผิดวิธี และนี่คือข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ของการใช้ยาคุมกำเนิดที่อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้
ข้อผิดพลาดใน การกินยาคุมกำเนิด ลืมรับประทานยา
การลืมรับประทานยาคุมกำเนิดอาจทำให้เกิดการตกไข่ และเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ วิธีปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา 1 เม็ด คือ ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ หรือถ้ารู้ตัวเมื่อข้ามวันไปแล้ว ก็ให้เพิ่มจานวนยาที่กินเป็นสองเม็ดในครั้งต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัย
แต่ถ้าหากลืมรับประทานยา 3 เม็ด (ในกลุ่มที่มีฮอร์โมนสูง เช่น Ethynyl Estradiol 30 microgram ขึ้นไป) หรือ 2 เม็ด (ในกลุ่มที่มีฮอร์โมนต่ำ Ethynyl Estradiol 20 microgram) อาจจะทาให้มีการตกไข่ได้ จึงต้องใช้ถุงยางอนามัยควบคู่ไปด้วยเป็นเวลา 7 วัน และให้รับประทานยาแผงเดิมต่อทันทีที่นึกได้ แล้วรับประทานวันละเม็ดต่อไปเรื่อยๆ
-
กินยาไม่ตรงเวลา
ขนาดยาคุมกำเนิดที่ใช้ มักถูกกำหนดให้อยู่ในปริมาณน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อป้องกันผลข้างเคียง ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเวลาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันในทุกๆวัน เพื่อให้ยาคงระดับและมีประสิทธิภาพดีที่สุด
-
ใช้ยาอื่นร่วมกับการใช้ยาคุมกำเนิด
ยาบางชนิดเช่น ยากันชัก ยาปฏิชีวนะ (rifampin) ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี และสมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John’s Wort) ทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลงได้ ฉะนั้นเมื่อใช้ยาเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการคุมกำเนิด และอาจต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย
-
ดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมลง แต่ถ้าหากว่าคุณอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง หลังจากรับประทานยาคุมกำเนิด จะทำให้ร่างกายดูดซึมยาไม่ทัน และเกิดการตั้งครรภ์ได้ คุณจึงควรรับประทานยาใหม่อีก 1 เม็ด เพื่อรักษาระดับยาในร่างกายให้คงที่
-
มีปัญหาท้องเสีย อาเจียน
หากคุณอาเจียนจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยาคุมกำเนิด คุณจะต้องรับประทานใหม่ 1 เม็ด เนื่องจากยาเม็ดแรก ยังดูดซึมไม่หมดและถ้าหากคุณท้องเสีย หรือ อาเจียนรุนแรงเกิน 2 วัน คุณควรปรึกษาแพทย์เรื่องการคุมกำเนิดเพิ่มเติม
โดยสรุปแล้วยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะมีประสิทธิภาพดีน่าเชื่อถือ หากใช้อย่างถูกต้อง และรับประทานอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากยาคุมแต่ละยี่ห้อจะมีตัวยาแตกต่างกัน ส่งผลต่อร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกันไป หากใช้ยาแล้วมีอาการข้างเคียง หรือไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของยาก็ควรปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัย และวิธีการใช้อย่างถูกต้อง