แพทย์เตือน 3 "สารเคมีเกษตร" อันตรายต่อสุขภาพ หากใช้ไม่ระวัง
กรมควบคุมโรค เผยอันตรายจากการสัมผัสสารเคมีทางการเกษตร แนะประชาชนป้องกันก่อนเจ็บป่วย ตามหลัก “เกษตรกรปลอดภัย อ่าน ใส่ ถอด ทิ้ง”
อันตรายจากสารเคมีทางการเกษตร
ดร.พญ.ชุลีกร ธนธิติกร นักวิชาการ กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวถึง อันตรายของสารเคมีทางการเกษตร ทั้งสารที่ใช้สำหรับฆ่าแมลง ฆ่าหญ้า กำจัดเชื้อรา และกำจัดวัชพืชอื่น ๆ รวมถึงสารฆ่าหนูและสัตว์กัดแทะต่าง ๆ สารเหล่านี้มีประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพืชที่เกษตรกรปลูก ทำให้เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้
แต่หากใช้ไม่ระวัง อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกร ทำให้เกิดการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน เช่น ผื่นคัน ผื่นแดง ปวดศีรษะ มึนงง แสบตา น้ำตาไหล อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนการเจ็บป่วยจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในระยะยาว ได้แก่ การเกิดโรคมะเร็ง และโรคทางระบบประสาท
3 สารเคมีทางการเกษตรที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
- พาราควอต
พาราควอจต เป็นสารที่มีพิษเฉียบพลันสูง ไม่มียาต้านพิษ มีการยกเลิกการใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งพิษทำให้ระคายเคืองทางตา หากผิวหนังมีบาดแผลจะซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วเกิดแผลจากการกัดกร่อนได้ และมีผลระยะยาวต่อระบบประสาททำให้เกิดโรคพาร์กินสัน - คลอร์ไพริฟอส
งานวิจัยในต่างประเทศ ตรวจพบว่ามีผลต่อความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสมองของเด็กที่แม่ได้รับสารระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เด็กพัฒนาการช้า ความจำสั้น IQ ต่ำ เป็นสารที่รบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ส่งผลต่อระบบไทรอยด์ กระตุ้นการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็งลำไส้ และ - ไกลโฟเซต
สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ภายใต้องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นสารที่น่าจะก่อมะเร็งได้ เป็นสารที่รบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมที่อาศัยฮอร์โมนเอสโตรเจน ก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรัง และมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลายชนิดเพิ่มมากขึ้น เช่น เบาหวาน โรคอ้วน อัลไซเมอร์ รวมทั้งพบการตกค้างในซีรั่มทารกแรกเกิดและมารดา
วิธีใช้สารเคมีทางการเกษตร
สารเคมีไม่ว่าจะเป็นชนิดใด ๆ ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังได้ ประชาชนจึงไม่ควรใช้หรือสัมผัสสารเคมีใด ๆ และควรป้องกันตนเองก่อนที่จะเจ็บป่วย แต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมีก็ขอให้ระมัดระวัง ตามหลัก “เกษตรกรปลอดภัย อ่าน ใส่ ถอด ทิ้ง” ดังนี้
ก่อนการใช้
- อ่านฉลาก ทำตามคำแนะนำก่อนใช้งาน
- ตรวจสอบอุปกรณ์ ก่อนใช้งานทุกครั้ง
- ห้ามเปิดขวดและซองสารเคมีด้วยปาก
- ห้ามใช้มือเปล่าผสมสารเคมี
ระหว่างการใช้
- ใส่เสื้อผ้าอุปกรณ์ป้องกันให้มิดชิด
- ยืนเหนือลมขณะฉีดพ่น
- ห้ามสูบบุหรี่/กินอาหาร/ดื่มน้ำ
- หากสารเคมีหกรด ให้รีบล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาด
หลังการใช้
- ถอดเสื้อผ้าแยกซัก
- อาบน้ำทันที หลังฉีดพ่นเสร็จ
- ไม่ทิ้งบรรจุภัณฑ์รวมกับขยะทั่วไป
- หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422