“ไข้เลือดออก” VS “ไข้หวัด” VS “ชิคุนกุนยา” แตกต่างกันอย่างไร ?

“ไข้เลือดออก” VS “ไข้หวัด” VS “ชิคุนกุนยา” แตกต่างกันอย่างไร ?

“ไข้เลือดออก” VS “ไข้หวัด” VS “ชิคุนกุนยา” แตกต่างกันอย่างไร ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรคที่มีอาการไข้เป็นอาการแรก ๆ อาจสร้างความสับสนให้กับผู้ป่วยได้วากำลังป่ยป้นโรคอะไรกันแน่ หากจริง ๆ แล้วเป็นไข้เลือดออก แต่คิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา อาจชะล่าใจจนปล่อยให้มีอาการหนักจนอาจรักษาไม่ทัน และเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นการเรียนรู้อาการที่แตกต่างของแต่ละโรคจะช่วยจำแนกระดับอาการของโรคได้คร่าว ๆ และช่วยให้หายได้เร็วขึ้น เสี่ยงอันตรายน้อยลง


อาการของโรคไข้หวัด

  • มีไข้ อาจจะไข้สูง หรือต่ำ

  • คัดจมูก

  • เจ็บคอ

  • ปวดศีรษะ

  • ปวดกล้ามเนื้อ

  • ไอ

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

  • อาการดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หลังรับประทานยาลดไข้ และยาลดอาการอื่นๆ


อาการของไข้เลือดออก

  • ไข้สูงลอย 2-7 วัน ไข้ขึ้นอย่างฉับพลัน และมักสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส

  • ไม่มีอาการน้ำมูกไหล หรืออาการไอ

  • เบื่ออาหาร

  • อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน

  • ผื่นขึ้นที่ผิวหนังเป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายตามแขน ขา ลำตัว รักแร้

  • อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน

  • อาจถ่ายอุจจาระเป็นเลือด โดยอุจจาระเป็นสีดำ

  • มีอาการตับโต กดเจ็บ ในระยะ 3-4 วันหลังเริ่มมีอาการป่วยวันแรก


อาการของโรคชิคุนกุนยา (โรคไข้ปวดข้อยุงลาย)

  • มีไข้สูง บางรายสูงถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ในบางรายก็อาจมีไข้ต่ำ

  • มีอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดบริเวณข้อเป็นอย่างมาก ค่อยๆ ปวดเพิ่มไปทีละข้อ โดยเป็นข้อเล็ก ๆ ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา

  • มีผื่นแดงขึ้นคล้ายกับโรคไข้เลือดออกที่บริเวณลำตัว แต่บางกรณีก็สามารถพบได้ที่แขน ขาด้วยเช่นกัน

  • มีอาการปวดหัว ปวดตา ตาแดง ตาไม่สู้แสงเล็กน้อย รวมไปถึงมีอาการอ่อนเพลีย


อย่างไรก็ตาม อาจมีรายละเอียดอาการอื่น ๆ ที่เราอาจไม่ทันได้สังเกต และอาจวินิจฉัยโรคด้วยตนเองผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้นจำเอาไว้ง่าย ๆ ว่า หากมีไข้สูงติดต่อกันมากกว่า 3-4 วัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอีนดจะดีที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook