10 อาการอันตราย ควรรีบนำส่งโรงพยาบาล
เฟซบุคเพจ อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว สรุป 10 อาการอันตราย หากพบเห็นใครมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบตั้งสติ และรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะเป็นภาวะเร่งด่วนทางอายุรกรรม ควรได้รับการตรวจจากแพทย์อย่างเร่งด่วน
- เจ็บแน่นหน้าอก เค้นแน่นรุนแรง เหงื่อออกมาก ใจสั่นหวิวคล้ายจะเป็นลม อาจปวดร้าวไปกราม ไปไหล่ ไปหาหมอโดยด่วนในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อแยกโรคสำคัญหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันและหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด เพราะหากรักษาได้ทันจะช่วยชีวิตได้เลย ไม่ต้องให้การรักษาใด ๆ ก่อน ตรงดิ่งไปโรงพยาบาลเลย
- เป็นลม หมดสติ รีบพาไปโรงพยาบาล ไม่ว่าจะคืนสติดีแล้วหรือไม่ก็ตาม เพื่อแยกโรคสำคัญทางสมองเช่นลมชัก เลือดออกในสมอง โรคหัวใจโดยเฉพาะเต้นผิดจังหวะ แต่ควรตรวจสอบดูก่อนว่ามีชีพจรหรือไม่ ถ้าไม่มีให้กู้ชีพให้กดหน้าอกแล้วขอความช่วยเหลือ
- แขนขาอ่อนแรงฉับพลัน พูดไม่ชัดฉับพลัน อยู่ดี ๆ เดินเซ ให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อแยกโรคหลอดเลือดสมองตีบ ในขณะนี้มีการรักษาทั้งให้ยาทางหลอดเลือดดำ หลอดเลือดแดง การใส่สายสวน การทำลายลิ่มเลือด ขึ้นกับเวลาที่ไปถึง ให้ดีคือภายในสามชั่วโมงนับแต่เกิดเหตุ
- ในผู้ป่วยเบาหวานที่ฉีดยาอินซูลินหรือยากินที่มีชื่อนำหน้าว่า Gli-- หากมีอาการหน้ามืด ใจสั่น หวิว เหงื่อออกมาก ตาพร่ามัว ต้องสงสัยภาวะน้ำตาลต่ำ ถ้ามีเครื่องเจาะให้เจาะปลายนิ้วดูต่ำหรือไม่ ถ้าต่ำหรือไม่มีเครื่องให้ดื่มน้ำหวานแค่แก้วเดียวพอแล้วรีบไปโรงพยาบาล แต่ถ้าไม่รู้ตัวอย่ากรอกปากให้พาไปโรงพยาบาล เพราะอย่างไรต้องแยกโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่ดี
- ไข้สูง หนาว เริ่มหอบ ตัวเย็น ชีพจรเบา ซึม ๆ หรือสับสน ให้รีบไปหาหมอเพราะต้องแยกภาวะช็อกจากการติดเชื้อ หากรักษาทันจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตมากมาย ระหว่างทางถ้ากินได้ให้กินยาลดไข้และดื่มน้ำบ่อย ๆ
- หอบเหนื่อยเฉียบพลัน เจ็บหน้าอก มือเขียว ซึมลง หอบมาก นอกจากโรคในข้อ 1 สิ่งที่สำคัญและต้องรีบไปหาหมอแยกโรคคือ ลิ่มเลือดดำอุดตันที่ปอด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเช่นขาขยับไม่ได้นอนติดเตียง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- งูกัด ถ้านำงูตัวที่กัดมาได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ไม่ต้องรัดขารัดแขนเหนือแผลใด ๆ ให้พาส่งโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการเลย และไม่จำเป็นต้องให้เซรุ่มแก้พิษงูทุกราย
- ลมชักทันที อย่าตกใจ จับนอนให้ปลอดภัย นอนตะแคง ศีรษะตะแคง ไม่ต้องเอาอะไรไปงัดปากแล้วขอความช่วยเหลือ ไปโรงพยาบาลทันที มักจะหยุดเองในเวลาไม่เกิน 5 นาที
- เรียนรู้ทักษะการกู้ชีวิตหากพบคนที่ไม่มีชีพจรหมดสติอยู่ เรียนรู้ทักษะการช่วยเหลือเวลาสำลักวัตถุไปอุดกั้นหลอดลม ถ้าเป็นไปได้รู้จักเครื่อง AED เครื่องช็อกหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติที่ติดตามสถานที่ต่าง ๆ
- ข้อนี้สำคัญ รู้จักสถานพยาบาลใกล้เคียงที่บ้าน ที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ที่นั้น ๆ หนทางขนส่ง มีรถไหม มีแท็กซี่ไหม อสม.อยู่ไหน กู้ภัยแถวนั้นติดต่อได้อย่างไร หรือถ้าคิดอะไรไม่ออกให้โทรสายด่วน "1669" ไม่ควรทำการช่วยเหลือเพียงลำพัง ให้ขอความช่วยเหลือเสมอ
สิ่งที่เชื่อที่แชร์ต่าง ๆ ไม่ว่าเข็มเจาะนิ้ว ไอแรง ๆ อมยาต่าง ๆ นอนพัก ฯลฯ อย่าเพิ่งทำ โรคต่าง ๆ ที่เขียนมานี้ถ้าช่วยทัน สามารถพลิกชีวิต พลิกนาทีวิกฤตได้ ควรไปที่โรงพยาบาลก่อนจะดีที่สุด