“ตับคั่งไขมัน” จากโรคอ้วน อาจอันตรายคล้าย “ตับแข็ง” เพราะดื่มเหล้า
Thailand Web Stat

“ตับคั่งไขมัน” จากโรคอ้วน อาจอันตรายคล้าย “ตับแข็ง” เพราะดื่มเหล้า

“ตับคั่งไขมัน” จากโรคอ้วน อาจอันตรายคล้าย “ตับแข็ง” เพราะดื่มเหล้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ตับคั่งไขมัน” ภาวะที่เกิดจากการรับประทานอาหารพลังงานสูง เช่น อาหารฟาสต์ฟูดที่เน้นคาร์โบไฮเดรต กับไขมันจากสัตว์มากกว่าผัก บริโภคของหวาน น้ำหวาน รวมถึงน้ำผลไม้ ส่งผลใหเกิดไขมันคั่งที่ตับ ที่อาจกลายเป็นตับอักเสบ หรือตับแข็งคล้ายกับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จัดในอนาคตได้


โรคตับคั่งไขมัน คืออะไร ?

รศ.พญ. วรนุช จงศรีสวัสดิ์ แพทย์หน่วยโรคทางเดินอาหารและตับ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลไว้ในรายการ ติดจอ ฬ.จุฬา ว่า โรคตับคั่งไขมันคือโรคที่มีจำนวณเซลล์ตับที่มีไขมันสะสมเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ 


สาเหตุของโรคตับคั่งไขมัน

ตับคั่งไขมันอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • ติดเชื้อ ยา ภาวะทุพโภชนาการ

  • โรคทางพันธุกรรม

  • โรคอ้วน

ซึ่งโรคอ้วน เป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งโรคอ้วนก็มีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหาร


อาการของโรคตับคั่งไขมัน

ปัจจุบันพบโรคตับคั่งไขมันตั้งแต่ในวัยเด็ก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการบ่งบอกชัดเจนนัก แต่อาจมีอาการที่พอสังเกตได้ ดังนี้

  • ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา

  • พบผิวหนังบางบริเวณที่หนาขึ้น มีสีคล้ำขึ้น อาจเป็นซอกคอ และรักแร้ เป็นลักษณะที่บ่งบอกภาวะดื้ออินซูลิน


อันตรายของภาวะ “ตับคั่งไขมัน”

ผู้ที่มีภาวะตับคั่งไขมัน ร่วมกับภาวะตับเรื้อรังพบได้น้อยมาก ดังนั้นจึงทำให้ผู้ป่วยภาวะตับคั่งไขมันไม่ได้รับการวินิจฉัยโรค หากคนที่มีความเสี่ยง เช่น เด็ก และผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ และปล่อนให้มีอาการเรื้อรัง อาจเสี่ยงเป็นโรคตับอักเสบรุนแรง และตับแข็งได้ คล้ายกับคนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำได้เลยทีเดียว

Advertisement


การตรวจวินิจฉัยโรคตับคั่งไขมัน

แพทย์อาจใช้วิธีแตกต่างกันไปเล็กน้อยในแต่ละโรงพยาบาล แต่โดยพื้นฐานแล้วอาจเริ่มที่การอัลตร้าซาวนด์ แต่ยังมีข้อจำกัดในกรณีที่พบไขมันคั่งไขมันในปริมาณเล็กน้อย ที่อาจวินิจฉัยว่าปกติได้

อีกวิธีคือ การเจาะชิ้นเนื้อตับมาตรวจ แต่ไม่นิยมตรวจกับเด็ก

ปัจจุบันจึงมีเครื่องมือตรวจที่เรียกว่า “Transient Elastography with CAP” ที่สามารถตรวจไขมันคั่งตับได้คล้ายกับการอัลตร้าซาวนด์ ไม่เจ็บตัว ไม่มีบาดแผล


การรักษาภาวะตับคั่งไขมัน

การรักษาจะเริ่มจากการรักษาโรคอ้วนที่เป็นอยู่ก่อน 

  1. จำกัดการบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มบางประเภท เช่น ไขมันจากสัตว์ อาหารผัดทอด ขนมที่มีแป้งและน้ำตาลสูง น้ำอัดลม ชาเขียว ชานมไข่มุก น้ำผลไม้ และนมเปรี้ยว เพราะมีน้ำตาลสูง** น้ำผลไม้ไม่มีกาก มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบสูง ควรเลือกรับประทานผลไม้สด หรือดื่มน้ำผลไม้ปั่นพร้อมกากจะดีกว่า

  2. ออกกำลังกายในระดับปานกลาง หรือมากเป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อย 3-5 วัน วันละ 30 นาที - 1 ชั่วโมง

    ** ออกกำลังกายระดับปานกลาง จะไม่สามารถร้องเพลงได้ แต่ยังพูดเป็นประโยคยาว ๆ ระหว่างออกกำลังกายได้

    ** ออกกำลังกายระดับมาก จะไม่สามารถพูดเป็นประโยคยาว ๆ ติดต่อกันระหว่างออกกำลังกายได้

  3. จำกัดระยะเวลาที่ทำให้เราอยู่นิ่ง ๆ เช่น ระยะเวลาที่อยู่หน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเลต โทรทัศน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
kookkak

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบน
เว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่
นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้