รีวิว Dyson Pure Cool พร้อมวิธีเลือก “เครื่องกรองอากาศ” ป้องกันฝุ่น PM 2.5

รีวิว Dyson Pure Cool พร้อมวิธีเลือก “เครื่องกรองอากาศ” ป้องกันฝุ่น PM 2.5

รีวิว Dyson Pure Cool พร้อมวิธีเลือก “เครื่องกรองอากาศ” ป้องกันฝุ่น PM 2.5
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“เครื่องกรองอากาศ” เริ่มเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มา ๆ ไป ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหายไปอย่างถาวร ระหว่างรอมาตรการในการจัดการกับฝุ่นอย่างถาวรได้ในอนาคต เราก็ต้องปกป้องสุขภาพของตัวเองในตอนนี้ให้มากที่สุดไว้ก่อน

โชคดีที่ในปัจจุบันเครื่องกรองอากาศมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสมของสมาชิกภายในบ้าน ไม่ว่าคุณจะอยู่กันเป็นครอบครัวเล็ก ครอบครัวใหญ่ในบ้านหลังโต หรืออยู่แค่คนสองคนในคอนโดเล็ก ๆ ก็มีเครื่องกรองอากาศที่มอบประสิทธิภาพในการลดฝุ่นให้คุณได้มากมาย รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เสริมเข้ามา ทำให้การใช้งานเครื่องกรองอากาศเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

แต่เราจะเลือกเครื่องกรองอากาศที่มีขายในท้องตลาดมากมายในตอนนี้ได้อย่างไร ?

 
ประเภทของเครื่องกรองอากาศ 

เครื่องกรองอากาศแบ่งออกได้หลายประเภทตามกลไกในการทำงานของแต่ละชนิด

  • Mechanical Filters

ทำงานเข้าใจได้ง่าย ๆ คือ นำอากาศผ่านเข้าเครื่องกรอง และแผ่นกรอง เพื่อดักจับเอาฝุ่น สารก่อผู้แพ้และมลพิษต่าง ๆ ออกไป ก่อนจะปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์ออกมากระจายไปทั่วบริเวณ ซึ่งแผ่นกรองมีหลายแบบเช่นกัน แต่แบบที่นิยมที่สุดคือแบบ HEPA ที่สามารถกรองฝุ่น และอนุภาคไม่พึงประสงค์ในอากาศได้มากถึง 99% พร้อมทั้งมีระยะเวลาใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ปี

  • Electronic Air Cleaner

การทำงานซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด กับการเปลี่ยนอนุภาคของฝุ่น และสารต่าง ๆ ในอากาศเป็นประจุลบ และตกลงมาสู่พื้นผิว ทำให้อากาศที่เราหายใจด้านบนบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

  • Gas Phase Filters

เครื่องกรองอากาศประเภทนี้จะเหมาะกับการกรองก๊าซ และสารระเหยโดยเฉพาะ จึงเหมาะกับการใช้ในพื้นที่ที่มีกลิ่นจากสารระเหย หรือก๊าซ เช่น ห้องครัว

  • Ozone Generator

เครื่องกรองอากาศที่มีการใช้โอโซนเข้ามาช่วยกำจัดอนุภาคของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  และสารระเหยต่าง ๆ ที่ปะปนมาในอากาศ แต่โอโซนมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก

  • Hybrid Filters

เป็นเครื่องกรองอากาศที่ใช้เทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างเข้าไว้ด้วยกัน มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ราคาสูงมากตามไปด้วย

จากประเภทต่าง ๆ ของเครื่องกรองอากาศ พบว่า เครื่องกรองอากาศประเภท Mechanical Filters ที่มาพร้อมแผ่นกรองที่สามารถเปลี่ยนได้ เป็นที่นิยมใช้ในครัวเรือนมากที่สุด ด้วยหลักการทำงานในการกรองอากาศค่อนข้างตรงไปตรงมาไม่ยุ่งยาก มีประสิทธิภาพดี และราคาจับต้องได้นั่นเอง

 
ปัจจัยที่ควรเช็กก่อนซื้อเครื่องกรองอากาศ

  1. ระบบการตรวจวัด

เครื่องกรองบางชนิดมีความสามารถในการตรวจวัดมลพิษในอากาศและสามารถทำการกรองอากาศแบบอัตโนมัติให้อากาศบริสุทธิ์ได้หลังจากตรวจพบมลพิษ โดยในการตรวจวัดคุณภาพอากาศนั้น เครื่องกรองควรมีระบบดักจับคุณภาพอากาศจากตัวเซ็นเซอร์ บวกกับระบบซอฟต์แวร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำการประมวลผลข้อมูลและมีระบบทำปฏิกิริยาตอบสนองเพื่อทำให้อากาศบริสุทธิ์

เครื่องกรองบางชนิดจะมาพร้อมกับหน้าจอที่สามารถแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในห้องหรืออาคาร หรือแม้กระทั่งแสดงให้เห็นถึงชนิดและระดับของอนุภาคที่ตรวจวัดได้ ซึ่งนี่ทำให้ผู้ใช้ได้เห็นและเข้าใจถึงคุณภาพอากาศภายในบ้านของตน

  1. ระบบการตรวจจับ

วิธีการกรองนั้นทำได้หลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น

  • แสงอัลตราไวโอเลตสามารถใช้รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าในการทำลายแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถใช้กำจัดฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ หรืออนุภาคในอากาศได้
  • ตัวกรองคาร์บอนสามารถใช้ในการทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสารมลพิษเพื่อกำจัดควัน กลิ่น และแก๊สจากอากาศ แต่ไม่สามารถใช้กรองอนุภาคขนาดเล็กที่เป็นอันตรายได้
  • เครื่องสร้างประจุไอออนในอากาศสามารถทำงานโดยการสร้างประจุไอออนส่งไปในอากาศเพื่อดักจับสิ่งสกปรกและสารก่อภูมิแพ้ อย่างไรก็ตาม มันสามารถทำให้ออกซิเจนเปลี่ยนสภาพเป็นโอโซนซึ่งเป็นอันตรายได้ เพราะโอโซนนั้นเป็นสารระคายเคืองที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ และเป็นส่วนประกอบของหมอกควัน
  • เครื่องกรอง HEPA ทำงานโดยการดักจับมลพิษและอนุภาคขนาดต่างๆรวมถึงละอองเกสรดอกไม้ แบคทีเรีย รา ฝุ่นไร และขนสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถกำจัดสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายได้ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซีน หรือไนโตรเจนไดออกไซด์ นอกจากนี้เรายังสังเกตได้ว่าตัวกรอง HEPA ทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเท่ากัน บางตัวสามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในขณะที่บางตัวทำไม่ได้

เครื่องกรองบางตัวได้รวมตัวกรอง HEPA กับตัวกรองคาร์บอนเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถกำจัดทั้งอนุภาคฝุ่นและสารอินทรีย์ระเหยได้

อนุภาคมีหลายขนาด โดยขนาดที่วัดได้มากที่สุดคือ 2.5 ไมครอน หรือที่เราเรียกกันว่า PM 2.5 และเมื่อเปรียบเทียบกับ PM 0.1 นั้นจะมีขนาดที่เล็กกว่ามากซึ่งคืออนุภาคที่มีขนาดเล็กมากที่ไม่สามารถมองเห็น หากเราสูด PM 0.1 เข้าไปในปอดและสะสมเข้าไปในถุงลมจะส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายได้ ทั้งนี้ เครื่องกรองบางชนิดอาจสามารถดักจับอนุภาคที่ขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ในขณะที่เครื่องกรองบางเครื่องสามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่านั้นอย่าง PM 0.1

  1. การปล่อยกระแสลม : ผสมและไหลเวียน

การปล่อยกระแสลมถือเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาที่สำคัญ นอกเหนือจากการตรวจวัดและจับมลพิษแล้ว เครื่องกรองบางชนิดสามารถช่วยในการหมุนเวียนอากาศที่บริสุทธิ์ได้ทั่วทั้งห้อง ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์หากคุณตั้งตัวเครื่องไว้ในมุมที่ห่างไกล และเพื่อช่วยในการไหลเวียนหรือกระจายอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับผู้ที่อยู่ห่างออกไปให้ดียิ่งขึ้น เครื่องกรองบางตัวสามารถที่จะปรับเพิ่มระดับของพัดลมให้สูงขึ้นได้

แอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ สามารถกรองอากาศได้หรือไม่ ?

แอร์ หรือเครื่องปรับอากาศในบ้านเรา ยังไม่มีเครื่องไหนสามารถกรองอากาศได้มากพอที่จะทำให้ฝุ่นละอองต่าง ๆ ลดลงได้ชัดเจนเท่ากับเครื่องฟอกอากาศ เพราะเครื่องปรับอากาศถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ “ปรับอากาศ” ให้เย็นลงเท่านั้น ประสิทธิภาพในการ “กรอง” หรือ “ฟอก” อากาศไม่มากเพียงพอที่จะช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ได้

dyson_review-3

พัดลมกรองอากาศ อีกทางเลือกของการให้ความเย็นสบาย พร้อมอากาศบริสุทธิ์

คงจะเป็นการดีหากเราสามารถเปิดใช้เครื่องกรองอากาศพร้อมกับได้รับลมเย็น ๆ จากพัดลมไปด้วยในคราวเดียวกัน นอกจากนี้เรายังสามารถย้ายพัดลมกรองอากาศไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ภายในบ้านได้อย่างสะดวก ใช้เป็นพัดลมที่มอบความเย็นสบาย และอากาศที่สะอาดสดชื่นไปด้วยในคราวเดียวกัน

ตัวอย่างของพัดลมกรองอากาศที่อยากแนะนำ คือ พัดลมกรองอากาศของ Dyson ที่ใช้ชื่อว่า Dyson Pure Cool ที่ Sanook Health ได้ทดลองใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดฝุ่นได้จริง อาการคันจมูกจากฝุ่นในห้องลดน้อยลง นอกจากนี้ในภาวะที่เป็นกังวลเรื่องฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้าน ที่ตัวพัดลมยังมีหน้าจอ LCD ที่แสดงผลการตรวจวัดอนุภาคขนาดเล็ก และก๊าซได้อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ และสามารถรายงานค่าฝุ่นละออง PM 2.5 และ PM 1.0 ได้ จากการประมวลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ในตัวเครื่องได้อย่างชัดเจน

dyson_review-2

ข้อดีของพัดลมกรองอากาศ Dyson Pure Cool

กรองอากาศได้จริง

พัดลมกรองอากาศตัวนี้มีระบบฟิลเตอร์ทั้งเครื่องปิดสนิท 360 องศา ที่รวมคาร์บอนฟิลเตอร์เพื่อกำจัดแก๊ส และฟิลเตอร์แก้ว HEPA ที่มีความสามารถดักจับสารก่อภูมิแพ้ และมลภาวะที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.95% รวมทั้งสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ และมีประสิทธิภาพการดูดซับแก๊ส กลิ่นไม่พึงประสงค์ และควันพิษ โดยตัวพัดลมกรองอากาศ Dyson Pure Cool ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ภายในบ้านหรืออาคาร ซึ่งได้ถูกทดลองมาตรฐานมาอย่างดีจากห้องทดลอง POLAR test ขนาดเท่าห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่มีเซนเซอร์วัดค่าฝุ่น 9 จุดทุกมุมห้อง และผลปรากฏว่าสามารถลดฝุ่นได้จริงทั่วทุกมุมห้อง

กระจายความเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้อง

พอมองว่าเป็นพัดลม อาจจะคิดว่าทำให้ห้องเย็นได้แค่มุมเดียวของห้องเท่านั้น แต่เจ้าตัวนี้สามารถหันหัวได้รอบทิศ 350 องศา จึงสามารถกระจายลมเย็นได้ทั่วทั้งห้อง และเราสามารถเลือกให้ส่ายหัวกระจายลมทั่วห้อง หรือจะหยุดส่าย ให้จ่อปล่อยลมไปที่เดียวก็ได้ และมีระบบทำความเย็นที่ทำให้ลมที่กระจายออกมามีความเย็นกว่าพัดลมปกติทั่วไป


พัดลมก็ได้ เครื่องกรองอากาศก็ดี

Dyson Pure Cool อาจเป็นพัดลมที่กรองอากาศได้ด้วยก็จริง แต่ถ้าหากไม่ต้องการใช้ฟังก์ชั่นเป็นพัดลม เพราะอากาศภายในห้องเย็นดีอยู่แล้ว สามารถไปที่โหมด Diffused เพื่อเลือกให้กระจายลม หรือกรองอากาศเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องทำความเย็นก็ได้เช่นกัน

 
พัดลมกรองอากาศอัจฉริยะ ที่มาพร้อมแอปพลิเคชั่น

มีแอปฯ Dyson Link ที่สามารถใช้บนโทรศัพท์มือถือระบบ iOS และ Android ได้ด้วย โดยเราสามารถตรวจระดับมลภาวะภายในและภายนอกอาคาร รวมทั้ง อุณหภูมิและระดับความชื้น นอกจากนี้ยังใช้ควบคุมการทำงานของเครื่อง และเช็กเวลาที่เหลือในการใช้งานตัวฟิลเตอร์ได้อีกด้วย

dyson_review-1

dyson_review-4

dyson_review-5

 
ความรู้สึกจริงหลังใช้งาน Dyson Pure Cool

หลังจากได้ทดลองใช้ Dyson Pure Cool เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าใช้งานง่ายกว่าที่คิด แม้ว่าจะเป็นเครื่องกรองอากาศเครื่องแรกในชีวิตที่เคยใช้งาน แต่ก็ยังสามารถเข้าใจว่าตรงไหนคืออะไรได้ค่อนข้างค่าย ง่ายตั้งแต่การประกอบเครื่องที่ผู้หญิงสามารถแกะกล่องแล้วประกอบเครื่องได้เองง่าย ๆ ตอนหยิบแผ่นกรองมาสวมเข้ากับพัดลมทั้งด้านหน้าด้านหลังก็ง่าย ลงล็อกพอดี และแน่นหนาดีเช่นกัน ใช้เวลาในการประกอบเครื่องจริง ๆ ไม่ถึง 5 นาทีก็ใช้งานได้แล้ว

ที่บอกว่าใช้งานได้ง่าย เพราะเมนูที่รีโมตคอนโทรล และที่หน้าจอ LCD ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย ว่าจะกดเพื่อเลือกระดับความแรงของลม เลือกให้ส่ายหรือไม่ส่ายหัว เลือกโหมดลมเย็น ไม่เย็น หรือกรองอากาศอย่างเดียวก็ทำได้ง่าย รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับแอปฯ Dyson Link ก็ใช้งานง่าย เข้าใจง่ายเช่นเดียวกัน

ที่ประทับใจอีกเรื่องคือ ดีไซน์ เรียบง่าย ทำความสะอาดง่าย ไม่เกะกะ ใช้พื้นที่น้อย เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ภายในบ้าน

แต่สำหรับการใช้งานจริง หากเลือกเปิดลมแรง ๆ อาจมีเสียงดังขึ้นมาอย่างชัดเจนเช่นกัน เท่าที่เคยใช้งาน หากเร่งระดับความแรงของลมมากกว่าระดับ 5 จะเริ่มมีเสียงดังมากขึ้นจนต้องขอเปลี่ยนระดับลงเมื่อเปิดไปได้สักพัก ดังนั้นแนะนำว่าหากเข้ามาในห้องแล้วร้อนมาก ๆ อยากเปิดให้ลมเย็น ๆ อาจเปิดเบอร์แรง ๆ แค่ชั่วครู่ เมื่ออากาศภายในห้องเริ่มเย็นขึ้นแล้ว กดลดระดับความเร็วลง เสียงเครื่องก็จะเงียบลงไปเอง และจากประสบการณ์ส่วนตัว การเชื่อมต่อกับแอปฯ Dyson Link ในครั้งแรกมีปัญหาอยู่บ้าง ไม่สามารถ pairing ได้อยู่หลายครั้ง แต่หลังจาก pairing ได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร

 

ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเครื่องกรองอากาศที่เหมาะกับใช้ภายในบ้าน หรือในคอนโด สำหรับคนทั้งครอบครัว หรือจะเป็น 1-2 คนในห้องนอน ห้องนั่งเล่น และนอกจาก Dyson Pure Cool จะเป็นพัดลมกรองอากาศแบบตั้งพื้นแล้ว ยังมีแบบตั้งโต๊ะสำหรับพื้นที่ที่เล็กลงมาอีกนิด หรือไม่มีพื้นที่พอในการวางบนพื้นด้วยเช่นกัน

ใครสนใจ Dyson Pure Cool สามารถเข้าไปลองใช้งานของจริงได้ที่ Dyson Demo สยามพารากอนและไอคอนสยาม และห้างสรรพสินค้า และร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ ในราคา 19,900 บาท (แบบตั้งโต๊ะ) และ 28,900 บาท (แบบตั้งพื้น) 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook