วิธีดูแลตัวเองช่วง "โควิด-19" สำหรับผู้ป่วย "เบาหวาน"

วิธีดูแลตัวเองช่วง "โควิด-19" สำหรับผู้ป่วย "เบาหวาน"

วิธีดูแลตัวเองช่วง "โควิด-19" สำหรับผู้ป่วย "เบาหวาน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) เป็นเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนา (coronavirus) ชนิดใหม่ ก่อให้เกิดการติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจ ซึ่งอาการมีได้ตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงอาการหนัก ในผู้ป่วยบางราย coronavirus สามารถทำให้เกิดปอดติดเชื้อ ภาวะไตล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้เชื้อไวรัสนี้ติดต่อได้จากเสมหะหรือน้ำลายขณะไอ จาม หรือพูดคุย

องค์การอนามัยโลก (World health organization ; WHO) ได้ประกาศว่าโควิด-19 มีการระบาดทั่วโลก และตอนนี้ยังไม่มียาหรือวัคซีนสำหรับรักษาและป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะ ลักษณะอาการทั่วไป จะคล้ายกับอาการไข้หวัดธรรมดา ได้แก่ ไข้ ไอ หรือจาม หายใจไม่สะดวก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว

ผู้ป่วยจะมีอาการ 3-7 วันหลังจากสัมผัสไวรัสชนิดนี้ แต่บางรายอาจใช้เวลาถึง 14 วันจึงจะแสดงอาการ ประชากรทุกกลุ่มอายุสามารถติดไวรัสนี้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ (มากกว่า 80%) โควิด-19 มีอาการไม่รุนแรงเหมือนไข้หวัดทั่วไป หรืออาจไม่มีอาการเลย ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นที่ต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยประมาณ 15% อาจมีอาการรุนแรง และ 5% อาการรุนแรงมาก ซึ่งควรไปพบแพทย์

ผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยที่มีโรคร่วมเช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคหอบหืด มีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ได้รุนแรงกว่า

ผู้เป็นเบาหวานที่มีการติดเชื้อ การคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะผันผวนและควบคุมได้ยาก ส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้ อธิบายได้จาก 2 เหตุผล เหตุผลแรกคือภูมิคุ้มกันต่ำลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และอีกเหตุผลคือเชื้อมักเจริญเติบโตได้ดีในภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดสูง

โควิด-19 สามารถติดต่อผ่านทางละอองอากาศจากการพูด การไอหรือจาม ไวรัสสามารถมีชีวิตรอดในธรรมชาติ อาจเป็นชั่วโมงหรือวัน ขึ้นอยู่กับพื้นผิววัสดุและสภาพแวดล้อม มันจึงสามารถติดต่อผ่านทางการสัมผัส หรือได้รับหรือสัมผัสละอองอากาศจากผู้ที่ติดเชื้อ ดังนั้นควรป้องกันด้วยการล้างมือและงดการเข้าในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด

สำหรับผู้เป็นเบาหวาน ควรระมัดระวัง เเละหลีกเลี่ยงการติดเชื้อเป็นสิ่งสำคัญ โดยวิธีดังต่อไปนี้

  • ล้างมือสม่ำเสมอ

  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า ควรล้างมือและทำให้มือแห้งสะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า

  • ทำความสะอาดวัตถุหรือบริเวณที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ

  • เวลาไอหรือจาม ควรนำต้นแขนหรือข้อพับแขนมาปิดบริเวณปากและจมูก ไม่ควรใช้มือปิดเนื่องจากมืออาจไปสัมผัสวัตถุสิ่งของอื่นต่อ เพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

  • หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ป่วยที่มีอาการเสี่ยงต่อโรคไวรัสนี้ เช่น ไอหรือจาม

  • คอยแนะนำหรือพูดคุยกับคนในครอบครัวถึงการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เช่น คุณควรหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถโดยสารที่แออัด คุณควรหลีกเลี่ยงการไปเที่ยว หรือคุณควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีผู้คนชุมนุมกันจำนวนมาก

  • ถ้ารู้สึกว่าตัวเองมีอาการหรือสงสัยจะป่วย โปรดพักผ่อนอยู่บ้าน และโทรศัพท์เพื่อขอคำแนะนำได้ที่ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 1422 หรือสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 1669

  • หากมีอาการหนัก ควรโทรศัพท์เพื่อขอคำแนะนำวิธีการไปพบแพทย์ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1422 หรือ 1669


ถ้าหากคุณเป็นเบาหวาน

  • เตรียมตัวให้พร้อมหากคุณรู้สึกไม่สบาย

  • ติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือหากจำเป็น

  • ตั้งใจควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีขึ้น

  • หากคุณมีอาการไข้สูง ไอ จาม หรือหายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์ หากมีเสมหะร่วมด้วยบ่งบอกว่ามีการติดเชื้อ คุณควรได้รับการรักษาอย่างทันที

  • การติดเชื้อทุกชนิดสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด และทำให้ร่างกายขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอ

  • เช็คดูว่ายารักษาเบาหวานมีเพียงพอหรือไม่หากคุณต้องถูกกักตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

  • สำรองอาหารโดยเฉพาะประเภทน้ำตาลอย่างเพียงพอ สำหรับการแก้ไขภาวะน้ำตาลต่ำได้ทันท่วงที

  • ถ้าหากคุณอยู่บ้านคนเดียว หาคนที่สามารถไว้วางใจและมั่นใจว่าจะช่วยเหลือคุณได้หากคุณต้องการความช่วยเหลือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook