รู้หรือไม่ "นอนตะแคง" มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิด
ไม่ว่าใครต่างก็คงจะมีท่านอนประจำของตัวเอง ที่นอนเมื่อไหร่ เป็นต้องหลับไปทุกทีแน่ ๆ หลายคนชอบบอกว่า ท่านอนหงาย คือ ท่านอนที่ดีที่สุด เพราะถือว่าเป็นท่านอนพื้นฐานตามธรรมชาติ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ท่านอนตะแคง อาจจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าที่หลายๆ คนคิด
ถึงจะพูดว่า ท่านอนตะแคง แต่จริงๆ แล้ว ท่านอนตะแคงเองก็มีท่าพื้นฐานอยู่อีก 3 ท่า ดังนี้
- นอนขดตัวเหมือนทารก คือการนอนขดตัว เอาเข่าขึ้นมาชิดกับหน้าอก แล้วกอดเข่าตัวเองไว้ คล้ายกับท่านอนของทารกในครรภ์
- นอนตะแคงเปิดข้าง คือการนอนตะแคงโดยยืดขาตรง และยืดแขนออกไปทางด้านหน้า คล้ายกับว่ากำลังจะเอื้อมหาคนอื่น
- นอนตะแคงแบบขอนไม้ คือการนอนตะแคงโดยที่ยืดขาตรง และปล่อยแขนแนบลำตัวตรงทั้งสองข้าง
อย่างไรก็ตาม ท่าเหล่านี้เป็นเพียงท่านอนพื้นฐานที่ไม่ตายตัวเท่านั้น บางคนอาจจะนอนหลายๆ ท่าสลับกันไป หรือบางคนอาจจะมีท่าอื่นมากกว่านี้ แต่ไม่ว่า คุณจะนอนตะแคงด้วยท่าแบบไหนก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยกันทั้งสิ้น
ประโยชน์สุขภาพดีๆ ที่ได้จาก ท่านอนตะแคง
- ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง
ท่านอนตะแคง เป็นท่าที่มีประโยชน์ต่อแผ่นหลังของเรามากที่สุด ผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง อาจจะรู้สึกว่ามีอาการดีขึ้นเมื่อได้นอนตะแคงข้าง โดยเฉพาะข้างซ้าย เนื่องจากการนอนตะแคงนั้นจะช่วยทำให้เราได้ลดแรงกดทับบนกระดูกสันหลังของเรา ทำให้รู้สึกสบายมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการนอนหลับสนิทได้อีกด้วย
- ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย
การนอนตะแคงซ้ายจะทำให้เราสามารถอาศัยแรงโน้มถ่วง ในการช่วยให้ลำไส้ใหญ่ลำเลียงกากอาหารและของเสียผ่านลำไส้ไปยังไส้ตรงได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณสามารถขับถ่ายได้อย่างง่ายดายมากขึ้นเมื่อตื่นนอน นอกจากนี้ การนอนตะแคงซ้ายจะทำให้กระเพาะอาหารและตับอ่อนห้อยอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่โดนแรงกดทับจากอวัยวะอื่นๆ ทำให้สามารถผลิตน้ำย่อยออกมาและย่อยอาหารได้อย่างเต็มที่
- ลดอาการแสบร้อนกลางอก
มีงานวิจัยวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Clinical Gastroenterology พบว่า การนอนตะแคงข้างซ้าย สามารถช่วยลดอาการของโรคกรดไหลย้อนได้ เนื่องจากการนอนตะแคงทางด้านซ้าย จะทำให้กระเพาะอาหารและน้ำกรดอยู่ต่ำกว่าหลอดอาหารขณะที่นอนหลับ ทำให้กรดไม่ไหลย้อนกลับไป แต่ในขณะเดียวกัน การนอนตะแคงข้างขวาก็อาจทำให้อาการของโรคกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้นได้เช่นกัน
- ลดการกรนหรืออาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
การนอนตะแคงจะป้องกันไม่ให้ลิ้นลงไปในคอและปิดทางเดินหายใจส่วนหนึ่ง ทำให้สามารถช่วยป้องกันการเกิดอาการนอนกรน และช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea) ได้
- ดีต่อหัวใจ
แพทย์ได้แนะนำให้นอนตะแคงข้างซ้ายเนื่องจากจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจ และช่วยลดความดันเลือดที่สูบฉีดไปยังหัวใจได้ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงจะเป็นตัวช่วยส่วนหนึ่งในการลำเลียงเลือดไปยังหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่านอนตะแคงข้างขวาหรือข้างซ้ายแบบไหนจะดีกว่ากัน
- เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
การนอนตะแคง ไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิตแล้ว ยังเป็นท่านอนที่เหมาะสมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะที่ผู้ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย เนื่องจากทารกในครรภ์จะมีขนาดตัวใหญ่ การนอนตะแคงข้าง จะช่วยไม่ให้น้ำหนักตัวของทารกในครรภ์ลงมากดทับคุณแม่ ช่วยบรรเทาแรงกดทับที่หลัง กระเพาะปัสสาวะ และตับ และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังมดลูก ไต และทารกในครรภ์อีกด้วย
ข้อเสียของการนอนตะแคง
แม้ว่าการนอนตะแคงนั้นจะมีประโยชน์อยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกคนเสมอไป การนอนตะแคงอาจให้ข้อเสียดังต่อไปนี้
- ปวดไหล่
การนอนตะแคงจะเป็นการลงน้ำหนักตัวลงไปทางด้านข้างลำตัว โดยเฉพาะไหล่ ทำให้มีอาการปวดเมื่อยได้ หากนอนค้างด้านเดิมนานๆ
- ปวดกราม
หากคุณมีกรามแน่น การนอนตะแคงอาจเพิ่มแรงกดทับที่กรามขณะนอนหลับ ทำให้มีอาการปวดกรามในตอนตื่นนอนได้
- เพิ่มแรงดันต่อหัวใจ
การนอนตะแคงอาจทำให้น้ำหนักของปอดลงไปกดทับหัวใจ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการหัวใจล้มเหลวได้
เทคนิคในการนอนตะแคงให้สบายตัว
การนอนตะแคงข้างนานๆ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้ แต่การเตรียมที่นอนอย่างเหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถนอนตะแคงข้างอย่างสบายๆ ไร้อาการเมื่อยได้
- เตรียมหมอน เลือกหมอนที่พอดีกับโครงสร้างของกระดูกไหปลาร้าของคุณ
- วางหมอนไว้ระหว่างเข่า หาหมอนมากั้นระหว่างเข่าทั้งสองข้าง เพื่อช่วยซัพพอร์ตหลังส่วนล่าง
- เลือกใช้หมอนแข็งๆ หรือหมอนที่ไม่นิ่มยวบจนเกินไป เพื่อไม่ให้หมอนยุบและคอตกหมอน
- กอดหมอนข้าง ทำให้เราสามารถพักแขนไว้บนหมอนได้ ทำให้เราไม่รู้สึกเมื่อย